แพทย์ญี่ปุ่นออกมาเตือนว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิดในญี่ปุ่นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2022 โดยระบุว่า ผู้เสียชีวิตจากโควิดระลอกใหม่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เนื่องจากร่างกายอ่อนแอ ประกอบกับมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เมื่อเจอกับโอมิครอนที่หลบภูมิคุ้มกันได้ดีจึงทำให้ติดเชื้อง่ายกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิดต่ำสุดในโลก แต่นับตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2022 ยอดผู้เสียชีวิตก็พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยวันที่มีผู้เสียชีวิตมากสุดเป็นประวัติการณ์คือวันที่ 20 มกราคม 2023 ซึ่งแซงขึ้นเหนือกว่ายอดผู้เสียชีวิตในอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้
โดยที่ผ่านมานั้น ญี่ปุ่นได้ปิดประเทศไม่ให้นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถเดินทางเยือนได้ตั้งแต่ช่วงปี 2020 จนถึงกลางเดือนมิถุนายน 2022 โดยแผนการเปิดประเทศของญี่ปุ่นนั้นได้ดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยในช่วงแรกนักท่องเที่ยวจะต้องเดินทางกับกรุ๊ปทัวร์เท่านั้น รวมถึงต้องมีประกันสุขภาพ และสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะตลอดเวลา ขณะที่ในโรงเรียน เด็กๆ จะต้องกินข้าวอย่างเงียบเชียบเป็นเวลาถึง 2 ปี เนื่องจากมีคำสั่งห้ามไม่ให้นักเรียนคุยกันในช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน เพราะเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อในเวลาที่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของญี่ปุ่นเปิดเผยกับสำนักข่าว BBC ว่า ด้วยเหตุที่ภูมิคุ้มกันของประชาชนต่อโควิดอยู่ในระดับต่ำ เมื่อข้อจำกัดต่างๆ ผ่อนคลายลง อาจทำให้การติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นอีก โดยผู้เสียชีวิตจากโควิดระลอกใหม่นั้นส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งแตกต่างกับการเสียชีวิตในช่วงแรกที่ผู้ติดเชื้อโควิดมักเสียชีวิตจากสาเหตุปอดอักเสบ และต้องเข้ารับการรักษาตัวในห้อง ICU
ฮิโตชิ โอชิทานิ หนึ่งในนักไวรัสวิทยาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นกล่าวว่า การป้องกันการเสียชีวิตจากโควิดในกลุ่มผู้สูงอายุนั้นทำได้ยากมาก พร้อมเสริมว่าโควิดเป็นเพียงตัวกระตุ้นเท่านั้น และเนื่องจากโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับภูมิคุ้มกันที่ลดต่ำลง จึงทำให้การป้องกันการติดเชื้อนั้นยากขึ้นโดยก่อนที่เชื้อโอมิครอนจะถือกำเนิดขึ้นนั้น ยอดผู้เสียชีวิตมักจะกระจุกตัวอยู่ในเขตเมือง เช่น โตเกียว และโอซาก้า แต่หลังจากมีการระบาดของโอมิครอน ยอดการเสียชีวิตได้กระจายตัวไปทั่วประเทศ
“ในจังหวัดเล็กๆ และพื้นที่ชนบท สัดส่วนของประชากรสูงอายุนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ รูปแบบทางภูมิศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไปนี้อาจส่งผลต่อแนวโน้มการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หากผู้สูงอายุได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วก็จะช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้มากขึ้น พร้อมเรียกร้องให้มีการลดระดับโควิดจากที่อยู่ ‘ระดับ 2’ หรือ ‘โรคที่อันตรายอย่างมาก’ ให้อยู่ในระดับที่ต่ำลง ซึ่งจะเปิดทางให้คลินิกหรือโรงพยาบาลทั่วไปสามารถรักษาผู้ติดเชื้อได้ จากเดิมที่โรคในระดับ 2 ถูกกำหนดให้ต้องรักษาในโรงพยาบาลของรัฐโดยเฉพาะเท่านั้น
ทั้งนี้ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ว่า จะมีการลดระดับลงตามข้อเรียกร้อง แต่จะเป็นวันที่ 8 พฤษภาคม หรือในอีก 3 เดือนข้างหน้า
ภาพ: Suptar Via Shutterstock
อ้างอิง:
