DDproperty เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกและวิเคราะห์ทิศทางตลาดอสังหาจากรายงาน Thailand Property Market Index ประจำไตรมาส 2 พบว่า ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 183 จุด จาก 190 จุด หรือลดลง 4% จากไตรมาสก่อน ถือเป็นดัชนีราคาที่ต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี โดยมีเพียงที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวที่มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน ขณะที่ดัชนีราคาทาวน์เฮาส์ทรงตัว ส่วนดัชนีราคาคอนโดมิเนียมลดลง 3% จากไตรมาสก่อน และลดลงมากถึง 8% ในรอบปี
จากปัจจัยแวดล้อมที่เกิดขึ้น ทำให้ DDproperty ประเมินว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยจะยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวในเร็วๆ นี้ และจะทรงตัวไปจนถึงสิ้นปี 2564 โดยมองว่าโอกาสที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นกลับมาได้ช้า-เร็วแค่ไหนนั้น ปัจจัยสำคัญอยู่การควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด และมีการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมทั่วประเทศโดยเร็วของภาครัฐ เพื่อทำให้ภาคธุรกิจและเศรษฐกิจกลับมาเดินหน้าต่อ และทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
“วิกฤตโควิดที่ทวีความรุนแรงขึ้น เป็นอุปสรรคสำคัญของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และกระทบภาพรวมการเติบโตของทุกธุรกิจอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์ถือว่าได้รับผลกระทบไม่น้อย ทั้งทางตรงจากการโดนประกาศปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง และทางอ้อมจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง แม้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะผลักดันโปรโมชัน สงครามราคา และใช้ช่องทางออนไลน์มาลดช่องว่างในการซื้อขาย แต่สภาพคล่องทางการเงินและผลกระทบด้านอาชีพของผู้บริโภคยังเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้จำเป็นต้องชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน/คอนโดมิเนียมออกไปก่อน แม้จะยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง” กมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของ DDproperty กล่าว
กมลภัทรกล่าวอีกว่า แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมของไทยในเดือนมิถุนายน 2564 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 42.7 จากระดับ 41.6 ในเดือนก่อนหน้า แต่ผู้บริโภคยังคงไม่เชื่อมั่นกับภาวะเศรษฐกิจ จึงวางแผนการเงินอย่างรัดกุมและใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยนานขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มดัชนีราคาที่อยู่อาศัยทุกประเภทลดลงต่อเนื่องและคาดว่าจะไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้
ขณะที่การสำรวจดัชนีอุปทานที่อยู่อาศัย พบว่าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 428 จุด จาก 399 จุด หรือเพิ่มขึ้นถึง 7% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นถึง 37% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นดัชนีอุปทานที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1/58 สะท้อนให้เห็นว่ายังคงมีสินค้าคงค้างอยู่ในตลาดอีกพอสมควร โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่มีสัดส่วนสูงถึง 87% ของจำนวนอุปทานทั้งหมดในกรุงเทพฯ ในขณะที่โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์มีสัดส่วนเพียง 7% และ 5% ตามลำดับ
นอกจากนี้ หากพิจารณาในแต่ละทำเลจะพบว่า ทำเลในกรุงเทพฯ ที่มีจำนวนที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบไตรมาส ได้แก่ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา เพิ่มขึ้นถึง 34% ตามมาด้วยแขวงดินแดง เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง เพิ่มขึ้นในสัดส่วน 11% เท่ากัน
อย่างไรก็ดี DDproperty ยังเชื่อว่า จำนวนที่อยู่อาศัยในช่วงที่เหลือของปีจะไม่สูงไปกว่านี้และจะไม่เกิดภาวะอสังหาริมทรัพย์ล้นตลาด เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการหลายรายได้ปรับแผนเลื่อนการเปิดโครงการใหม่ออกไป ขณะที่นักลงทุนที่มีสินค้าอยู่ในมือก็เริ่มชะลอการขายเพื่อรอผลตอบแทนที่ดีกว่าในช่วงอื่นแทน
รายงาน Thailand Property Market Index ของ DDproperty ยังสำรวจพบด้วยว่า จำนวนอุปทานที่อยู่อาศัยในไตรมาสที่ผ่านมามีการปรับเพิ่มขึ้นทุกระดับราคา โดยในกลุ่มระดับราคา 1-3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 10% จากไตรมาสก่อน ตามมาด้วยระดับราคา 3-5 ล้านบาท, 10-15 ล้านบาท และมากกว่า 15 ล้านบาท ที่เพิ่มขึ้นในสัดส่วนเท่ากันที่ 7%
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากความสนใจของผู้บริโภคแล้ว แม้ที่อยู่อาศัยระดับราคา 1-3 ล้านบาทจะได้รับความสนใจมากที่สุดในรอบไตรมาสด้วยสัดส่วนถึง 24% แต่ความสนใจซื้อในระดับราคานี้ลดลงถึง 6% จากไตรมาสก่อน ในขณะที่ระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปยังคงมาแรง ได้รับความสนใจเพิ่มมากถึง 9% ในรอบไตรมาส ตามมาด้วยระดับราคา 5-10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% และระดับราคา 3-5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคระดับกลาง-ล่าง ยังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยแต่ไม่มีกำลังซื้อเพียงพอในช่วงนี้
ขณะที่การสำรวจความสนใจของผู้บริโภคในด้านทำเล พบว่าเทรนด์ Work from Home เป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคหันมามองหาที่อยู่อาศัยแถบชานเมืองและปริมณฑลมากขึ้น เนื่องจากมีความคุ้มค่ามากกว่าเมื่อเปรียบเทียบราคาและขนาดพื้นที่ที่ได้รับ ส่งผลให้ความสนใจซื้อในจังหวัดปริมณฑลเพิ่มขึ้นในหลายทำเล อาทิ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี เพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 55% จากไตรมาสก่อน ในส่วนอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เพิ่มขึ้น 15% อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เพิ่มขึ้น 14% และอำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เพิ่มขึ้น 13%