วันนี้ (12 ตุลาคม) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานข่าวในต่างประเทศตรวจพบโควิดสายพันธุ์โอมิครอนตัวใหม่ที่สามารถแพร่เชื้อได้เร็วนั้น ขอยืนยันว่าประเทศไทยยังไม่พบโควิดสายพันธุ์ BQ.1.1 และจากการเฝ้าระวังของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่ายังไม่มีรายงานการตรวจพบสายพันธุ์ดังกล่าวในประเทศไทย โดยปัจจุบันสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 ซึ่งแนวโน้มสอดคล้องกับทั่วโลกที่มีการระบาดของสายพันธุ์ BA.5 เป็นสายพันธุ์หลัก
นพ.ธเรศกล่าวต่อไปว่า แม้ในขณะนี้มีแนวโน้มการแพร่ระบาดของโรคโควิดลดลง ประกอบกับในหลายพื้นที่มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แต่ยังคงมีมาตรการที่สำคัญ โดยเน้นมาตรการทางสังคมที่สมดุลกับชีวิตวิถีใหม่ คือ มาตรการสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่เสี่ยง ล้างมือ เว้นระยะห่าง หากติดโควิดให้รักษาตามอาการ ถ้าไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ให้กินยาตามอาการ และแยกตัวเอง 5 วัน หากจำเป็นต้องเดินทางหรือไปทำงาน ให้สวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้น หากมีอาการมากขึ้นให้ไปพบแพทย์ และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นยังเป็นตัวช่วยที่ลดความรุนแรงของโรคได้
นอกจากนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปกระทรวงสาธารณสุขได้เริ่มให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด Pfizer ฝาสีแดง สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี โดยประชาชนสามารถพาบุตรหลานไปฉีดวัคซีนได้ที่หน่วยงานสาธารณสุขใกล้บ้าน และขอยืนยันว่าการให้บริการฉีดวัคซีนได้ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ผ่านคณะกรรมการด้านวิชาการ คือ คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ
ทั้งนี้ การเข้ารับวัคซีนต้องเป็นไปตามความสมัครใจของผู้ปกครองและเด็ก โดยการรับวัคซีนไม่เป็นเงื่อนไขในการไปโรงเรียน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422