×

กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนช่วงปีใหม่ เลี่ยงกินหมูดิบ เสี่ยงป่วยโรคไข้หูดับ อาจทำให้หูหนวกถาวรได้

โดย THE STANDARD TEAM
29.12.2021
  • LOADING...
กรมควบคุมโรค

วันนี้ (29 ธันวาคม) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ ประชาชนมักเดินทางกลับภูมิลำเนา กรมควบคุมโรคขอแนะนำให้ประชาชนระมัดระวังเรื่องการกินอาหารในช่วงปีใหม่ โดยเฉพาะการทำอาหารกินเองในครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนๆ หากนำเนื้อหมูที่ชำแหละกันเองในหมู่บ้านมากินดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ เช่น ลาบ หลู้หมูดิบ ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านที่มีการใส่เลือดหมูดิบผสม หรือการปิ้งย่างไม่สุก ซึ่งเสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับ หรือโรคติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส ซูอิส (Streptococcus suis) อาจทำให้หูหนวกถาวรหรือเสียชีวิตได้ 

 

ที่สำคัญในช่วงนี้มีการระบาดของโรคโควิด ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิดอย่างเคร่งครัด โดยการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ลดการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก และเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ให้น้อยที่สุด หากจำเป็นต้องเข้าไปในสถานที่ต่างๆ ขอให้สแกนแอปไทยชนะเพื่อให้สามารถติดตามตัวได้ง่าย หรืออาจทำอาหารกินเองภายในครอบครัว หากกินร่วมกันหลายคนให้เว้นระยะห่าง และแยกสำรับอาหารของแต่ละคนด้วย 

 

ข้อมูลจากกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 17 ธันวาคม 2564 พบผู้ป่วยโรคไข้หูดับ จำนวน 557 ราย เสียชีวิต 24 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุและวัยทำงาน ได้แก่ อายุมากกว่า 65 ปี รองลงมา 55-64 ปี และ 45-54 ปี ตามลำดับ ส่วนภาคที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือ ภาคเหนือ จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก คือ ลำปาง พะเยา อุตรดิตถ์ น่าน และสุโขทัย ตามลำดับ  

 

โรคไข้หูดับเกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส ซูอิส โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่กำลังป่วย ที่สามารถติดต่อได้ 2 ทาง คือ

 

  1. เกิดจากการบริโภคเนื้อและเลือดหมูที่ปรุงแบบดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ 

 

  1. การสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมูที่เป็นโรค โดยติดต่อสู่คนทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกาย หรือทางเยื่อบุตาที่มีเชื้ออยู่ 

 

โดยกลุ่มเสี่ยงมีอาการป่วยรุนแรงถ้าติดเชื้อ ได้แก่ ผู้ติดสุราเรื้อรัง ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ไต มะเร็ง หัวใจ ผู้ที่เคยตัดม้ามออก เป็นต้น เนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ 

 

นพ.โอภาสกล่าวเพิ่มเติมว่า หลังบริโภคเนื้อหมู หรือสัมผัสเลือดของหมูที่กำลังป่วย 3-5 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง หูหนวก ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หากมีอาการดังกล่าว ขอให้รีบพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการกินหมูดิบและสัมผัสเนื้อหมูให้ทราบ เพราะหากมาพบแพทย์และวินิจฉัยได้เร็ว จะช่วยลดอัตราการเกิดหูหนวกและการเสียชีวิตได้ สำหรับวิธีการป้องกัน คือ 

 

  1. ควรบริโภคอาหารที่สุก ทำสดใหม่ โดยเฉพาะเนื้อหมู ควรผ่านการปรุงสุกด้วยความร้อน หากกินอาหารปิ้งย่างหรือหมูกระทะควรมั่นใจว่าเนื้อหมูที่รับประทานสุกก่อนเสมอ และแยกอุปกรณ์ที่ใช้หยิบเนื้อหมูสุกและดิบออกจากกัน ควรเลือกซื้อเนื้อหมูจากตลาดสดหรือห้างสรรพสินค้าที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานจากโรงฆ่าสัตว์ ไม่ซื้อเนื้อหมูที่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ 

 

  1. ผู้ที่สัมผัสกับหมูที่ติดโรค โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ควรสวมรองเท้าบู๊ตยาง สวมถุงมือ รวมถึงสวมเสื้อที่รัดกุมระหว่างทำงาน หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้ง

 

ขอแนะนำให้ประชาชนยึดหลัก ‘สุก ร้อน สะอาด’ ยังเป็นการลดความกังวลต่อการติดเชื้อของโรคโควิดด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising