×

‘ดีบีเอส วิคเคอร์ส’ ส่องหุ้นไทยปีหน้า ดัชนีมีลุ้นแตะ 1,848 จุด แนะจับตา 12 ปัจจัยเสี่ยงที่อาจกลายเป็นระเบิดเวลาเศรษฐกิจไทย

08.10.2021
  • LOADING...
ดีบีเอส วิคเคอร์ส

อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในโค้งสุดท้ายของปี 2564 ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ดัชนีจะแตะ 1,695 จุด และปีหน้าอยู่ที่ระดับ 1,848 จุด โดยอิงราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น หรือ P/E อยู่ที่ 19.3 เท่า

 

ปัจจัยที่สนับสนุนมาจากตัวเลขการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มส่งสัญญาณบวก โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (สิงหาคม-กันยายน 2564) นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิกลับเข้ามาเป็นครั้งแรกของปี 2564 โดยในเดือนสิงหาคมมียอดซื้อสุทธิ 5,584 ล้านบาท และเดือนกันยายนมียอดซื้อสุทธิ 10,803 ล้านบาท แต่โดยรวมทั้งปีแล้ว นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิ 79,172 ล้านบาท

 

ขณะเดียวกันแม้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed มีแผนที่จะลดวงเงิน QE ลงในเร็วๆ นี้ และอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มกลับเป็นทิศทางขาขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าคาดการณ์เดิม แต่การที่ Fed พยายามบริหารการให้ข้อมูลที่ดี จะช่วยให้นักลงทุนไม่ตื่นตระหนกมากเกินไป 

 

นอกจากนี้การฟื้นตัวของการอุปโภคบริโภค การลงทุน และภาคท่องเที่ยวของไทย รวมถึงการส่งออกที่ยังคงดีต่อเนื่อง จะช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและทำให้ตลาดหุ้นในปี 2565 สามารถขยับขึ้นต่อได้

 

อาภาภรณ์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดได้ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ปี 2564 จะเติบโตได้ไม่มาก คือ 0.7% แต่การเร่งกระจายวัคซีนจะทำให้ GDP ปีหน้าฟื้นตัวโต 3.9% 

 

ส่วนปัจจัยเสี่ยงในประเทศที่น่าเป็นห่วงและต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ถือเป็นระเบิดเวลา 12 ปัจจัยเสี่ยง ประกอบด้วย 

 

  1. วิกฤตโรคระบาด 
  2. การชะลอตัวของเศรษฐกิจ 
  3. วิกฤตคนตกงาน  
  4. การขยายตัวของคนจน  
  5. วิกฤตการเมือง  
  6. วิกฤตทหาร  
  7. วิกฤตความเชื่อในสังคมไทย  
  8. ระเบิดรัฐธรรมนูญ  
  9. วิกฤตจากภายนอก (สงครามการค้า การเมือง การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ/การออกมาตรการใหม่ๆ ของประเทศขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ จีน ยุโรป)  
  10. ความเปลี่ยนแปลงของอากาศ 
  11. วิกฤตภาพลักษณ์ 
  12. วิกฤตศรัทธา

 

สำหรับคำแนะนำ เน้นเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดีและมี ESG เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีการเติบโตยั่งยืน ธุรกิจเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ และมีต้นทุนเงินลงทุน (Cost of Capital) ที่ต่ำกว่า รวมทั้งหุ้นมีความผันผวนน้อยกว่าในระยะยาว ซึ่งหุ้นที่อยู่ในดัชนีหุ้นยั่งยืนและเราเลือกเป็นหุ้นเด่นในไตรมาส 4/64 ประกอบด้วย 

 

BDMS – ธีมเปิดเมืองและสังคมสูงวัย 

KBANK – ธีมดิจิทัล แบงกิ้ง  

GPSC – ธีมแบตเตอรี่และพลังงานทางเลือก 

PTTEP – ธีมเปิดเมือง อุปสงค์น้ำมันสูงในช่วงฤดูหนาว และเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว

HFT – ธีมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

 


ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth

Instagram: instagram.com/thestandardwealth

Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising