ดาวิด ลุยซ์ เจอฝันร้ายอีกครั้งในชีวิตการเล่นเมื่อถูกเปลี่ยนตัวลงมาในสนามในช่วงครึ่งแรกก่อนจะมีส่วนทำให้ ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซนอลเสีย 2 ประตู และโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ก่อนที่สุดท้ายจะบุกไปพ่ายต่อ ‘เรือใบสีฟ้า’ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ย่อยยับ 3-0
เกมตกค้างพรีเมียร์ลีกที่เอติฮัด สเตเดียม ซึ่งเป็นเกมนัดที่สองของการรีสตาร์ทลูกหนังเมืองผู้ดี เริ่มต้นด้วยการแสดงจุดยืนต่อต้านการเหยียดสีผิวด้วยการนั่งคุกเข่าลงพร้อมกันของผู้เล่นทั้งสองทีมก่อนจะเขี่ยเริ่มเกม ก่อนที่ผู้เล่นทั้งสองทีมจะลงห้ำหั่นกันในสนาม
นัดนี้อาร์เซนอลซึ่งเลือกพัก อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ไว้ข้างสนาม และตัดชื่อ เมซุต โอซิล ออกจากรายชื่อผู้เล่น 20 คนต้องตั้งรับการบุกเป็นพายุบุแคมของแมนฯ ซิตี้ โดยเฉพาะแบรนด์ เลโน ผู้รักษาประตูที่เซฟอุตลุดตลอดทั้งครึ่งเวลาแรก แต่สุดท้ายทีมเยือนก็ต้านไม่ไหวเสียประตูจนได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก เมื่อลุยซ์ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนปาโบล มารี ที่บาดเจ็บในนาทีที่ 24 พลาดจังหวะง่ายๆ ทำให้บอลเลยไปถึงราฮีม สเตอร์ลิง ตะบันเต็มเท้าขวาเข้าไปตุงตาข่าย
จากนั้นกลับมาลงสนามใหม่ได้ 4 นาที ลุยซ์ทำให้อาร์เซนอลเสียประตูอีกจากจังหวะที่ไปดึงริยาด มาห์เรซ ล้มลงในเขตโทษ ทำให้ตัวเองโดนใบแดงและทีมเสียจุดโทษโดยเป็นเควิน เดอ บรอยน์ ที่รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาดให้ซิตี้หนีห่างเป็น 2-0 ซึ่งช่วงหลังจากนั้นไม่มีปัญหาสำหรับรองจ่าฝูงในการรักษาสกอร์ และยังบวกเพิ่มได้อีกจากฟิล โฟเดน ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้จบเกมชนะไปขาดลอย 3-0 ชะลอการฉลองแชมป์ของลิเวอร์พูลไม่ให้เกิดขึ้นในสัปดาห์แรกของการรีสตาร์ทพรีเมียร์ลีกได้
อย่างไรก็ดี ในช่วงท้ายเกม เอริก การ์เซีย กองหลังแมนฯ ซิตี้ ที่ลงตัวจริงในเกมนี้ต้องรับการปฐมพยาบาลนานหลายนาทีจากจังหวะที่ปะทะกับเอแดร์สัน สุดท้ายต้องถูกหามออกจากสนาม ขณะที่ในเกมนี้ยังได้เห็น Fan Wall ซึ่งเป็นจอภาพขนาดยักษ์ที่ให้แฟนบอลได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์เหมือนเชียร์อยู่ขอบสนามแม้ตัวจะอยู่ที่บ้านก็ตาม
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: