เพราะเราต่างเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ในการคัมแบ็กที่งดงามของ ดาบิด เด เคอา

ไม่ใช่แค่การเซฟจุดโทษครั้งเดียว แต่เป็นการเซฟจุดโทษถึง 2 ครั้งในเกมเดียวของ ดาบิด เด เคอา ที่ทำให้ฟิออเรนตินา คว้าชัยชนะเหนือเอซี มิลาน ในศึกเซเรียอา อิตาลี เมื่อคืนที่ผ่านมาได้

นี่เป็นเหมือนบทสรุปที่สวยงามสำหรับเรื่องราวที่เคยเป็นหนึ่งในความเจ็บปวดของเกมฟุตบอล ผู้รักษาประตูฝีมือดีแต่ถูกมองว่าไม่มีอนาคตสำหรับทีมเก่าและมองหาทีมใหม่ที่เหมาะสมไม่เจอจนเกือบที่จะอำลาวงการไปอยู่แล้ว

15 เดือนแห่งความว่างเปล่า ดาบิด เด เคอา ต้องผ่านบททดสอบของชีวิตและหัวใจมาไม่น้อยเลย

บิดเข็มนาฬิกาย้อนเวลากลับไปเมื่อ 1 ปีที่แล้ว เรื่องราวชีวิตของผู้รักษาประตูชาวสเปน เดินทางมาถึงจุดที่คล้ายจะเหมือนจุดจบ

ในวัย 32 ปี เด เคอา กลายเป็นผู้เล่นไร้สังกัด (Free Agent) เมื่อเป็นอิสระจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งทำท่าทีคล้ายจะยอมต่อสัญญากับเขาออกไป แต่สุดท้ายปรับข้อเสนอใหม่ที่ไม่สามารถตกลงกันได้

ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม เด เคอา ต้องปิดฉากชีวิตการเล่น 12 ปีในโอลด์แทรฟฟอร์ด ด้วยจำนวนการลงสนาม 545 นัด – เป็นผู้เล่นที่รับใช้สโมสรสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ตลอดกาล

ช่วงเวลานั้นมีหลายสโมสรที่ให้ความสนใจจะดึงตัวเขาไปร่วมทีม ด้วยฝีไม้ลายมือ ด้วยประสบการณ์การเล่น นี่คือสุดยอดนายทวารคนหนึ่งของโลก ที่สำคัญสามารถย้ายทีมได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าตัวสักบาท

แต่ดูเหมือน เด เคอา จะไม่ได้รีบร้อนอะไรในการหาต้นสังกัดใหม่

ในทางตรงกันข้ามเขาดูจะใจเย็นเกินไปด้วยซ้ำ จนทำให้หลายคนสงสัยว่าเราจะได้เห็นผู้รักษาประตูคนนี้กลับมาลงสนามอีกไหม?

แผลในใจ

เรื่องที่น่าตกใจคือ เด เคอา เคยคิดที่จะแขวนถุงมืออำลาวงการฟุตบอลแล้ว หลังจากที่ถูกปล่อยตัวออกจากแมนฯ ยูไนเต็ด

เพราะทีมเดียวที่เขาอยากจะกลับมาลงสนามให้ในช่วงเวลานั้นก็คือแมนฯ ยูไนเต็ด เพียงแต่ความขัดแย้งกับ เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมชาวดัตช์ ที่ไม่เคยไว้ใจฝีไม้ลายมือกัน กับ จอห์น เมอร์โท อดีตผู้อำนวยการสโมสรฟุตบอล ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับการเจรจาว่าความเรื่องสัญญาระหว่างกัน ทำให้สุดท้ายเรื่องต้องจบลงด้วยการแยกทาง

วงในบอกกันถึงขั้นว่าถ้าไม่มีสองคนนี้อยู่ เขาพร้อมจะกลับมาทุกเมื่อ

แต่เมื่อมันเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ประตูชาวสเปนทำคือการ ‘พัก’ ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง หลังจากที่กรำศึกหนักในฐานะการเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาอย่างยาวนาน

เรื่องนี้ทำเอาหลายคนเป็นห่วงและเสียดาย เพราะในวัย 32 ปีตอนนั้น เด เคอา ยังเหลือเวลาอีกมากสำหรับการเล่นฟุตบอล โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่วิทยาศาสตร์การกีฬาก้าวหน้า ผู้เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูสามารถยืนระยะถึง 40 ปีได้อย่างไม่ยากลำบาก

บ้างก็ฉายภาพย้อนให้เห็นถึง เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ อดีตนายทวารแมนฯ ยูไนเต็ด ที่กลับมาสร้างผลงานได้อย่างสุดยอดในช่วงโค้งสุดท้ายของชีวิตการเล่น ด้วยการย้ายตามคำชวนของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มาอยู่ด้วยกันที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ทั้งๆ ที่ตอนนั้นอายุถึง 30 ปีแล้ว

สุดท้าย ฟาน เดอร์ ซาร์ ที่เหมือนจะอยู่ในช่วงขาลง กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, ลีกคัพ 2 สมัย, แชมป์สโมสรโลก และเหนืออื่นใดคือแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ถึง 2 สมัยด้วยกัน

ถ้าประตูมือดีอย่าง เด เคอา จะตัดใจอำลาไปทั้งๆ ที่ควรจะเหลือเวลาอีกมากแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย

โชคดีที่เจ้าตัวเองเหมือนจะคิดได้ในหลายเดือนหลังจากนั้น เพราะแม้ว่าในช่วงแรกการพักผ่อนก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่ แต่นานเข้าผ่านไป 4-5 เดือน เจ้าตัวก็เริ่มรู้สึกและเข้าใจแล้วว่าเขาคิดถึงเกมฟุตบอลมากแค่ไหน

“ต้องกลับมาให้ได้” คือปณิธานในใจสำหรับ เด เคอา ตอนนี้เขาไม่คิดถึงการอำลาวงการอีกต่อไปแล้ว

การเริ่มต้นใหม่ในวัย 32

สำหรับนักฟุตบอล การร้างสนามนานเกือบครึ่งปี ต่อให้เก่งคับฟ้าแค่ไหนการจะกลับมาเล่นในระดับที่เคยทำได้ไม่ใช่เรื่องง่าย

ยิ่งนักเตะที่ไม่ได้มีสังกัดอย่าง เด เคอา ที่ไม่ได้อยู่ในสโมสรฟุตบอล ไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของเกมกีฬา การหาทางพาตัวเองกลับมายิ่งเป็นเรื่องที่ยากขึ้น

กับผู้เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูแล้ว มี 2 เรื่องสำคัญที่ถือเป็นหัวใจเหนืออย่างอื่น อย่างแรกคือสภาพร่างกายที่ต้องแข็งแกร่งอย่างมากทั้งเรื่องของกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของกระดูก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยิ่งร้างสนามนานมากเท่าไรก็จะอ่อนแอลงตามลำดับ

อย่างต่อมาคือเรื่องของปฏิกิริยา (Reflex) การตอบสนองที่ต้องเฉียบคมและฉับไว เพราะการตัดสินใจผิดพลาดเพียงเสี้ยววินาทีหมายถึงโอกาสที่จะเสียประตูได้ทุกเมื่อ

โดยที่เรายังไม่ได้พูดถึงเรื่องของเทคนิคการเล่นสำหรับประตู ไม่ว่าจะเป็นการรับ การปัดบอล หรือการเตะเปิดเกม – ซึ่งเป็นจุดที่ เด เคอา ถูกมองว่าไม่เก่งและล้าสมัยสำหรับเกมฟุตบอลยุคปัจจุบัน – หรือเรื่องของแท็กติกการเล่นที่แต่ละทีมก็แตกต่างกันออกไปอีก ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเริ่มได้ก็ต่อเมื่อร่างกายพร้อมแล้วเท่านั้น

แต่ด้วยความพยายามของเจ้าตัวที่จ้างโค้ชผู้รักษาประตูส่วนตัว ซึ่งได้รับการแนะนำจาก ริชาร์ด ฮาร์ติส หนึ่งในทีมสตาฟฟ์โค้ชผู้รักษาประตูของแมนฯ ยูไนเต็ด (และเพิ่งจะอำลาตำแหน่งไปเมื่อช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา)

ในช่วงนั้นโค้ชจะมาซ้อมให้ เด เคอา ซึ่งยังอยู่ในเมืองแมนเชสเตอร์ (ด้วยเหตุผลเรื่องภาษีเงินได้) สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง เพื่อเป็นการรักษาสภาพร่างกายและความเฉียบคมของปฏิกิริยา รวมถึงทักษะการเป็นผู้รักษาประตู ไม่ให้สนิมเกาะจนเกินไป

บางวันก็ขอไปฝึกซ้อมอยู่กับสโมสรอัลตรินแคม (Altrincham) ทีมนอกลีกซึ่งอยู่ในย่านตลาดชานเมืองแมนเชสเตอร์ ใกล้ๆ กับบ้านพัก

นอกจากนี้เขายังใช้การเล่นกีฬาปาเดล (Padel) ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมโปรดยามว่าง เป็นการเสริมทักษะด้านอื่นๆ ไปด้วย

สิ่งเหล่านี้ทำให้ เด เคอา ยังรักษาความเป็นนักกีฬาในระดับ Elite ของเขาเอาไว้ได้

ถามว่าเรื่องพวกนี้รู้กันได้อย่างไร? คำตอบคือ เด เคอา ใช้สื่อเป็นกระบอกเสียงในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมาเพื่อเพิ่มโอกาสและความน่าสนใจสำหรับทีมที่อาจจะลังเลว่าเขาพร้อมสำหรับการกลับมาลงสนามหรือไม่

และมันได้ผล

ชีวิตใหม่สีวิโอลา

หนึ่งในเหตุผลที่อาจทำให้ เด เคอา ค้นหาต้นสังกัดใหม่ได้ยากสักหน่อยคือเรื่องของเอเจนต์ ตัวแทนในการเจรจาของเขา

ก่อนหน้านี้เขาเคยอยู่ในสังกัดของ ฮอร์เก เมนเดส ซูเปอร์เอเจนต์ระดับท็อปสุดของโลก (ดังนั้นอย่าได้แปลกใจเรื่องเวลาเจรจาต่อสัญญาทีไรได้รับค่าเหนื่อยทะลุเพดานทุกทีกับแมนฯ ยูไนเต็ด) แต่สุดท้ายทั้งสองได้แยกทางกัน

คนที่ดูแลเรื่องการเจรจาให้กับ เด เคอา ในช่วงที่ผ่านมาคือ โฮเซ คาร์ลอส บุสซาส ทนายความโนเนมในโลกลูกหนัง แต่เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทที่อดีตประตูทีมชาติสเปนไว้ใจมากที่สุด

เรื่องนี้มีผลอย่างมากต่อการหาต้นสังกัด เพราะบุสซาสไม่ได้เป็นเอเจนต์จริงๆ ในโลกของฟุตบอล ไม่มีเครือข่ายสโมสร ไม่มีคอนเน็กชัน การติดต่อใดๆ จึงยากกว่าคนที่เป็นเอเจนต์จริงๆ อย่างเมนเดส ที่แค่ยกหูหาสโมสรไหนก็สามารถใช้อำนาจและบารมีในการทำให้สโมสรยอมจำนนที่จะเซ็นสัญญากับนักเตะในสังกัดของตัวเองได้

แต่สุดท้าย เด เคอา ก็ได้รับข้อเสนอที่น่าพึงพอใจที่สุดจากทีมฟิออเรนตินา สโมสรฟุตบอลเก่าแก่และมีชื่อเสียงในเซเรียอา อิตาลี หนึ่งในลีกฟุตบอลระดับสุดยอดของยุโรป ที่เชื่อว่าเขาคุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงดู

สัญญาอาจจะมีระยะเวลาสั้นแค่ปีเดียว แต่ก็ถือว่ายุติธรรมสำหรับทั้งสองฝ่าย

446 วันหลังการลงสนามนัดสุดท้าย เด เคอา ได้โอกาสในการลงเฝ้าเสาอีกครั้งในรายการยูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก รอบเพลย์ออฟ ซึ่งฟิออเรนตินาพบกับทีมปุสกัส อคาเดเมีย จากฮังการี

ในเกมนั้นเขาทำได้ไม่ค่อยดีนัก เสียถึง 3 ประตูในเกมที่จบลงด้วยการเสมอกัน 3-3 แต่มาแก้ตัวได้ในช่วงเวลาสำคัญด้วยการเซฟจุดโทษในการพบกันนัดที่ 2

ฟอร์มในช่วงแรกที่ยังไม่เข้าที่ ทำให้ ราฟฟาเอลเล ปาลลาดิโน โค้ชของทีม ‘ลา วิโอลา’ ลังเลใจที่จะให้ลงสนามแทนที่ของ ปิเอโตร เตอร์ราชิโน โดยยังสลับส่งลงสนามในช่วงเวลาแรก แต่ก็มองเห็นสัญญาณว่าตำแหน่งตัวจริงจะตกเป็นของ เด เคอา

รูบินโญ อดีตผู้รักษาประตูของฟิออเรนตินาก็พยายามช่วยให้กำลังใจและลดกระแสกดดันจากแฟนๆ ด้วยการขอเวลาให้ เด เคอา “คนที่เจ็บปวดจากการไม่ได้ลงสนามมานาน” และเชื่อว่าประตูชาวสเปนวัย 33 ปีที่จะอายุครบ 34 ปีในเดือนหน้า จะเป็นที่รักของทุกคนเหมือน ฟรานเชสโก ตอลโด และ เซบาสเตียน เฟรย์ อย่างแน่นอน

จากจุดเริ่มต้นวันนั้น เด เคอา ค่อยๆ เคาะสนิมที่เกาะออก และแสดงให้เห็นถึงเนื้อแท้ของการเป็นผู้รักษาประตูระดับชั้นนำที่ยังเหลือลายอีกมาก

และล่าสุดคือการเซฟจุดโทษถึง 2 ครั้งในเกมเดียว ด้วยการหยุดลูกยิงของ เตโอ แอร์กน็องเดซ และ แทมมี อับราฮัม ช่วยให้ฟิออเรนตินาเฉือนเอาชนะมิลานได้สำเร็จ

นี่คือการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ เด เคอา คนที่ค้นพบความรักในเกมฟุตบอลอีกครั้ง และพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นใหม่

ตราบใดที่เรายังรักและมีใจให้กับมันมากพอ

อ้างอิง: