จุดแรกที่ทำให้เราสนใจ Dark World เกม ล่า ฆ่า รอด ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผู้กำกับ โน้ต จูเนียร์-จิตต์สินธ์ ผ่องอินทรกุล (ลูกตลกตกไม่ไกลต้น) ที่ได้ พิง ลำพระเพลิง (The Pool นรก 6 เมตร) มารับหน้าที่เขียนบท คือฉากหลังของเรื่องที่อยู่ในโลก Post Apocalypse ซึ่งน้อยครั้งที่เราจะได้เห็นในภาพยนตร์ไทย
สองคือความกล้าและตั้งใจของผู้กำกับและทีมผู้สร้างที่เราสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า พวกเขาต้องการจะนำเสนอมุมมองและเนื้อหาที่แปลกใหม่ของภาพยนตร์ไทยให้ผู้ชมได้ลองสัมผัส เราจึงค่อนข้างสนใจอยู่พอสมควรว่าเรื่องราวของ Dark World จะถูกนำเสนอออกมาในรูปแบบไหน
Dark World บอกเล่าเรื่องราวหลังสงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งส่งผลกระทบให้สภาพสังคมในปัจจุบันเต็มไปด้วยความป่าเถื่อน ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ อำนาจสูงสุดตกเป็นของเหล่ามหาเศรษฐีเพียงหยิบมือที่คอยควบคุมคนชนชั้นล่างที่ต้องกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดด้วยการเล่นเกมแห่งชีวิตเพื่อแลกกับเงินก้อนโต
กระทั่งวันหนึ่ง การแข่งขันเอาชีวิตรอดสุดยิ่งใหญ่ที่มีเงินรางวัลมหาศาลอย่าง ‘การแข่งขันค้าประเพณี’ ก็เวียนกลับมาอีกครั้ง และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หญิงสาวทั้ง 3 คน อย่าง ไอรีน (ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์), เฟียร์ (แซมมี่-ปัณฑิตา เคาวเวลล์) และ รัน (น้ำหวาน-รักษ์ณภัค วงศ์ธนทัศน์) ตัดสินใจเข้าร่วมงานเพื่อทำเป้าหมายของตนเองให้สำเร็จ
จุดเด่นข้อแรกของ Dark World ที่เราชื่นชอบมากๆ คือการออกแบบงานสร้างของทีมงานเบื้องหลังที่ได้เนรมิตโลกแห่งความป่าเถื่อนออกมาได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะฉากในสลัมที่พาผู้ชมไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนภายใต้โลกอันไร้กฎเกณฑ์ ทั้งตลาดสดอันวุ่นวายและเต็มไปด้วยความรุนแรง บ้านพักของเฟียร์และรันที่เต็มไปด้วยฝุ่นและสนิม ไปจนถึงลานประลองที่ถูกใช้ในการแข่งขัน ซึ่งทำให้เราสัมผัสได้ถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของทีมงานเบื้องหลัง
รวมถึงการออกแบบคาแรกเตอร์ของ 3 ตัวละครหลักที่โดดเด่นไม่แพ้กัน ไล่เรียงตั้งแต่ ไอรีน หญิงสาวมากเสน่ห์ที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล และสองสาวสุดแกร่งอย่าง เฟียร์ และ รัน ที่ตัดสินใจก้าวเข้าสู่การแข่งขันเพื่อทำเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม Dark World ยังคงมีจุดด้อยสำคัญให้เรากล่าวถึงอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะประเด็นของเนื้อเรื่องและกลวิธีนำเสนอที่ไม่สามารถชักชวนให้เรามีความรู้สึกร่วมไปกับภาพยนตร์เท่าไรนัก
เริ่มต้นที่ประเด็นเนื้อเรื่องที่ดูเหมือนว่าตัวผู้กำกับจะพยายามใส่ปมปัญหาที่อยากจะเล่าไว้มากเกินไป ทั้งอดีตอันขมขื่นของ ไอรีน, เฟียร์ และ รัน ความสัมพันธ์อันซับซ้อนของพวกเธอ, เป้าหมายที่พวกเธอต้องการจะเอาชนะเกม, ความขัดแย้งระหว่างสองผู้มีอำนาจอย่าง กวิน (วิลลี่ แมคอินทอช) และ เฮียหม่า (เดวิด อัศวนนท์) ไปจนถึงปมปัญหาของตัวละครรอบข้างอีกหลายตัวที่ไม่ได้ถูกปูเรื่องราวให้ผู้ชมได้รู้จักเท่าที่ควร
แม้ว่าปมปัญหาเหล่านี้จะมีความน่าสนใจมากๆ แต่ด้วยประเด็นที่อยากจะเล่ามีมากเกินกว่าจะควบคุม มันจึงส่งผลให้ภาพยนตร์กลับนำเสนอปมปัญหาเหล่านั้นได้เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น ซึ่งผลลัพท์ที่ตามมาคือภาพยนตร์ไม่สามารถชักชวนให้เรามีความรู้สึกร่วมและอยากจะเอาใจช่วยให้ 3 ตัวละครหลักเอาตัวรอดจากเกมแห่งความตายอย่างที่ควรจะเป็น
และเมื่อปมปัญหาไม่ได้ถูกปูให้หนักแน่นและคลี่คลายอย่างชัดเจน ทั้งหมดนี้จึงยิ่งส่งผลให้บทสรุปของเรื่องที่ผู้กำกับและทีมสร้างต้องการจะนำเสนอ ไม่สามารถสร้างความตื่นเต้นให้กับเราได้อย่างที่ภาพยนตร์ตั้งใจ
จากที่กล่าวมาทั้งหมด เราคิดว่า Dark World ถือเป็นภาพยนตร์ไทยที่มีองค์ประกอบที่น่าสนใจอยู่เยอะมากๆ ทั้งฉากหลังอันโดดเด่นของเรื่อง ที่เราไม่ค่อยได้เห็นมากนักในภาพยนตร์ไทย การออกแบบคาแรกเตอร์ที่มีเสน่ห์ รวมถึงการออกแบบงานสร้างที่เนรมิตโลก Post Apocalypse ออกมาได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ภาพยนตร์กลับมีจุดด้อยในแง่ของเนื้อเรื่องที่ดูจะเบาบางเกินไป จนไม่สามารถหยิบนำองค์ประกอบที่น่าสนใจเหล่านี้มาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
Dark World เข้าฉายแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่
https://www.youtube.com/watch?v=u-aJ8p7MQyg