วันนี้ (1 กรกฎาคม) สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปล่อยแถวนักโทษเด็ดขาดออกทำงานลอกท่อระบายน้ำ เพื่อป้องกันอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) บริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม
สำหรับการปล่อยแถวผู้ต้องขังซึ่งเป็นนักโทษเด็ดขาดออกทำงานลอกท่อระบายน้ำในครั้งนี้ จะแบ่งการดำเนินงานออกเป็นการล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำภายใต้สำนักการระบายน้ำ ระยะทาง 249.60 กิโลเมตร และการล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำของสำนักงานเขต 15 เขต คิดเป็นระยะทาง 280.76 กิโลเมตร คิดเป็นระยะทางรวมทั้งสิ้น 530 กิโลเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
สมศักดิ์กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ขอบคุณ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ที่เข้าใจปัญหาและได้ให้กรมราชทัณฑ์เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา รวมถึงทำให้ผู้ต้องโทษได้รับสิทธิในการลดวันต้องโทษ ซึ่งเชื่อว่าจะพยายามแก้ไขปัญหาให้เสร็จโดยไม่กระทบกับการจราจรของประชาชน โดยผู้ต้องหาที่เข้ามาทำงานในครั้งนี้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยมและชั้นดีมาก ซึ่งผ่านการดูพฤติกรรมแล้ว โดยผู้ต้องขังจะได้รับค่าแรงขั้นต่ำ 331 บาท รวมไปถึงได้รับวันลดโทษ ซึ่งหากทำงาน 1 วัน จะได้รับการลดโทษ 1 วัน ซึ่งก็หวังว่าผู้ต้องขังชุดแรกที่มาทำงานในครั้งนี้จะทำงานเป็นอย่างดี เพื่อที่จะไม่ให้เกิดปัญหากับนักโทษในรุ่นต่อๆ ไป อย่างไรก็ตามในอนาคตเตรียมที่จะทำนิคมอุตสาหกรรมสำหรับผู้ต้องขัง เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาและลดจำนวนของผู้ต้องขัง ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดจำนวนของผู้ต้องขังได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 คน
ทั้งนี้กรมราชทัณฑ์กำหนดให้เรือนจำ 11 แห่ง โดยใช้เกณฑ์การแบ่งงานโดยกำหนดหลักเกณฑ์เบื้องต้นคือ ระยะทางจากเรือนจำไปยังบริเวณที่ทำงานต้องใกล้ที่สุดและไม่ข้ามเขตการปฏิบัติงานระหว่างเรือนจำ จัดปริมาณงานตามสัดส่วนจำนวนนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับการอนุมัติออกทำงานของแต่ละเรือนจำ จำนวน 300 คน ซึ่งจะต้องไม่เป็นนักโทษคดีอาชญากรรมรุนแรงที่เป็นที่สนใจของประชาชน เช่น คดีฆ่าทารุณกรรม คดีฆ่าข่มขืน และนักโทษเด็ดขาดที่กระทำผิดวินัยในเรือนจำ และระหว่างปฏิบัติหน้าที่จะไม่มีการพบปะญาติที่มาเยี่ยม หรือออกเดินไปในพื้นที่สาธารณะเด็ดขาด โดยการทำงานขุดลอกท่อระบายน้ำจะได้รับเงินรางวัลตอบแทน รวมถึงได้รับการลดวันต้องโทษจำคุก ที่ทำให้พ้นโทษได้เร็วขึ้น ซึ่งการทำงาน 1 วัน จะได้รับวันลดวันต้องโทษจำคุก 1 วัน จึงเป็นแรงจูงใจให้มีนักโทษจำนวนมากสมัครใจและประสงค์ออกทำงานสาธารณะดังกล่าว