วันนี้ (14 สิงหาคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 11 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระ 2 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ในมาตรา 20 ว่าด้วยงบประมาณของกระทรวงมหาดไทย ชลธิชา แจ้งเร็ว สส. ปทุมธานี พรรคประชาชน อภิปรายเพื่อขอตัดลดงบประมาณของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย 10% ในโครงการส่วนที่เกี่ยวข้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทฤษฎีใหม่ และโคกหนองนา พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้คัดค้าน และสนับสนุนโครงการเกษตรที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนเลี้ยงชีพและครอบครัวของตัวเองได้
“ล่าสุดดิฉันได้ลงพื้นที่เยี่ยมศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและโคกหนองนา ซึ่งต้องชื่นชมว่าทำโครงการไว้ค่อนข้างดี แต่ต้องยอมรับว่า มีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องผิดหวังและสูญเสียเงินเป็นจำนวนกับโครงการเหล่านี้ โดยไม่ได้อะไรคืนมานอกจากคำว่าขาดทุน” ชลธิชา กล่าว
ชลธิชา ระบุว่า จากข้อมูลที่ได้รับทราบจากประชาชนที่เป็นผู้ทดลองโครงการโคกหนองนาทางภาคใต้ และการแสดงความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดีย ได้สะท้อนความล้มเหลวของโครงการนี้ เพราะโครงการถูกออกแบบมาอย่างสำเร็จรูปโดยกรมการพัฒนาชุมชน เกษตรกรจะเปลี่ยนรูปแบบหรือความต้องการต่างๆ ให้เข้ากับศักยภาพของตนเองเป็นไปได้ยากมาก โครงการไม่ตอบโจทย์กับสภาพพื้นที่จริง ไม่มีการวัดผลอย่างมีประสิทธิภาพ นำโครงการมาสู่ความล้มเหลวในที่สุด
ชลธิชา เน้นไปที่แผนงานยุทธศาสตร์เสริมสร้างพลังทางสังคม เกี่ยวกับผลผลิตด้านการสร้างความมั่นคงทางอาชีพและรายได้ 457 ล้านบาท และการเสริมสร้างขีดความสามารถในการบริหารจัดการชุมชน 522 ล้านบาท แค่ 2 ผลผลิตนี้รวมกันเป็นงบประมาณ 1,000 ล้านบาท หากไปดูในรายละเอียดกลับมีความคลุมเครือ และคล้ายคลึงกันมากทั้ง 2 โครงการ และวนเวียนอยู่กับคำสำคัญแค่ไม่กี่คำ เช่น หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฎีใหม่ โคกหนองนา ความยั่งยืน การขจัดความยากจน
ชลธิชา ชี้ว่า งบประมาณส่วนนี้ถูกใช้พัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง 755 แห่งด้วยกัน พัฒนาศูนย์การเรียนรู้พัฒนาสู่โคกหนองนาอีกประมาณ 1,200 แห่ง ตนเองไม่เห็นด้วยที่กรมการพัฒนาชุมชนจะหว่านแหในโครงการที่เน้นจำนวนเพียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพอย่างแท้จริง แต่ไม่มีการแจงผลที่คาดว่าจะได้รับ หรือ KPI ของโครงการนั้นๆ
“ขอฝากเป็นข้อสังเกตว่า หากกรมการพัฒนาชุมชนเห็นว่าโครงการเหล่านี้มีความสำคัญต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนจริง ควรมีเกณฑ์ในการประเมินความสำเร็จของโครงการที่ชัดเจนกว่านี้ ระบบติดตามผลอย่างจริงจัง และสนับสนุนพื้นที่ซึ่งทำสำเร็จไปแล้วให้มากกว่านี้ พื้นที่ซึ่งกำลังพัฒนาและมีแนวโน้มที่ดี ต้องได้รับการสนับสนุนให้มีศักยภาพเพียงพอ ไม่เน้นการเพิ่มจำนวนโครงการมากเกินไป โดยไม่คำนึงถึงความพร้อมหรือความสามารถของหน่วยงานในการติดตามโครงการต่างๆ เหล่านั้น” ชลธิชา ระบุ
ชลธิชา ทิ้งท้ายว่า เราต้องประเมินความพร้อมของผู้เข้าร่วมโครงการก่อนเริ่มทำ และปรับแนวทางของการทำโครงการให้ยืดหยุ่นขึ้น ไม่เป็น One Size Fits All เพื่อป้องกันความล้มเหลวในอนาคต ไม่ให้นำงบประมาณไปละลายแม่น้ำ