×

ดัชนี CSI300 เพิ่ม 9.6% ในเดือน มิ.ย. มากสุดนับตั้งแต่ปี 2020 ผู้เชี่ยวชาญยกเป็น Safe Haven แนะให้น้ำหนักถึง 50% ของพอร์ต

04.07.2022
  • LOADING...
หุ้นจีน

หุ้นจีนทำจุดสูงสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 หลังจากนั้นตลาดหักหัวดิ่งลงต่อเนื่องจนมาทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 ปี อย่างดัชนี CSI300 ที่เคยวิ่งไปแตะระดับ 5,800 จุด ก็ลดลงมาแตะระดับ 3,800 จุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นตลาดหุ้นจีนก็ค่อยๆ ฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ทางการจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จนทำให้ดัชนี CSI300 ปรับตัวขึ้น 9.6% ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นับเป็นเดือนที่หุ้นจีนวิ่งขึ้นได้แรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020

 

ณัฏฐะ มหัทธนา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนและลูกค้าสัมพันธ์ บลจ.กรุงไทย ประเมินว่า หุ้นจีนมีแนวโน้มโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นสำคัญอื่นๆ ทั่วโลกต่อไปในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ด้วยปัจจัยที่สำคัญคือ เงินเฟ้อของจีนที่ยังอยู่ในระดับต่ำประมาณ 2.1% 

 

“เมื่อจีนยังมีเงินเฟ้อต่ำ ทำให้สามารผ่อนคลายการเงินต่อไปได้ โดยสาเหตุที่เงินเฟ้อของจีนยังต่ำนั้นเป็นผลจากทั้งด้านซัพพลายและดีมานด์” 

 

ในฝั่งซัพพลายจีนยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซีย ขณะเดียวกันจีนเองก็เป็นโรงงานของโลก จึงสามารถผลิตสินค้าต่างๆ ด้วยตัวเอง ส่วนในฝั่งดีมานด์ดูเหมือนว่าจะเป็นความตั้งใจของรัฐบาลจีนที่จำกัดให้การบริโภคยังชะลอตัว หลังจากที่ PBOC ออกข่าวเกี่ยวกับตัวเลขการว่างงานที่ 6% และสื่อสารออกมาเองว่า การบริโภคของจีนคงต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีกสักระยะ 

 

หากเทียบกับฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ ซึ่งแจกเงินกระตุ้นดีมานด์ จนทำให้เร่งตัวขึ้นเร็วกว่าซัพพลาย ส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ในขณะที่จีนต้องการจะกระตุ้นซัพพลายก่อน ล่าสุดเราเห็นการผลิตภาคอุตสาหกรรมเป็นบวกแล้ว ในขณะที่ยอดค้าปลีกยังติดลบอยู่

 

ขณะนี้จีนมีความน่าสนใจครบทั้ง 3 ด้าน คือ มูลค่า สภาพคล่อง และการเติบโต สวนทางกับยุโรปและสหรัฐฯ ที่การเติบโตและสภาพคล่องลดลง โดยล่าสุดก็เห็นสถาบันการเงินรายใหญ่มองว่า หุ้นจีนเป็น Safe Haven ใครที่ต้องการหนีเงินเฟ้อก็มาจีน หรือจะหนีภาวะถดถอยก็มาจีนเช่นกัน

 

“หากดูจากดัชนี MSCI ACWI จะมีน้ำหนักหุ้นจีนแค่ 3.5% ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ ยังสูงถึง 60% แต่ทุกวันนี้บอกเลยว่าควรจะสลับด้านกัน หรืออาจจะถือหุ้นจีนไปเลยครึ่งพอร์ต” 

 

ส่วนปัญหาของภาคอสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่ากรณีของ Evergrande เป็นจุดที่เสี่ยงมากที่สุดแล้ว และรัฐบาลจีนน่าจะควบคุมได้กับสถานการณ์ปัจจุบัน ในอีกด้านหนึ่งปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ทำให้รัฐบาลจีนจะยังคงอัดฉีดสภาพคล่องต่อไป 

 

ทั้งนี้ การฟื้นตัวของหุ้นจีนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น โดยหุ้นจีน A Share น่าจะเป็นกลุ่มที่ได้อานิสงส์จากการสนับสนุนของภาครัฐมากกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของสภาพคล่อง ขณะที่ H Share จะยังอิงกับสภาพคล่องทางฝั่งสหรัฐฯ อยู่มาก 

 

ด้าน รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ หัวหน้าฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บล.บัวหลวง มองในทิศทางเดียวกันว่า หุ้นจีนจะยังเดินหน้าปรับขึ้นต่อในครึ่งปีหลัง หลังจากที่เริ่มเห็นสัญญาณบวกมาตั้งแต่เดือนเมษายน ซึ่งบุคคลระดับสูงของทางการจีนออกมาแสดงความเห็นเชิงสนับสนุนตลาดทุน

 

นอกจากนี้ยังมีสัญญาณบวกจากการที่บริษัทอย่าง Ant Group ซึ่งเคยถูกทางการจีนเบรกไม่ให้เข้าจดทะเบียนในตลาด แต่เมื่อเดือนที่ผ่านมา Ant Group ได้แต่งตั้งอดีตรองประธานของ ก.ล.ต. จีน ขึ้นมาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ 

 

“กรณีของ Ant Group เป็นสัญญาณที่น่าสนใจ หากบริษัทกลับมาเข้าตลาดได้จะเป็นปัจจัยบวกต่อภาพใหญ่ของหุ้นเทคของจีน และอาจเป็นจุดสิ้นสุดของการคุมเข้มหุ้นเทคจีน” 

 

ในประเด็นนโยบายการเงินที่สวนทางกันระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ก็ทำให้กองทุนขนาดใหญ่ต้องพิจารณาลดสัดส่วนการลงทุนในสหรัฐฯ และหันไปหาจีนมากขึ้น และด้วยเงินเฟ้อที่ยังต่ำเมื่อเทียบกับทั่วโลก ทำให้จีนยังคงผ่อนคลายทางการเงินต่อไปได้ 

 

“หากมองภาพใหญ่เชื่อว่ากลุ่มเทคจีนน่าจะฟื้นได้ก่อน เพราะถูกกดดันมากที่สุดก่อนหน้านี้ ขณะที่การกลับมาเปิดเมืองจะช่วยให้หุ้นที่อิงกับการบริโภคในประเทศ รวมทั้งกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ปรับตัวขึ้นมาได้” 

 

หนึ่งในหุ้นที่น่าสนใจคือ Anta Sports ซึ่งได้ปัจจัยหนุนจากนโยบายส่งเสริมการออกกำลังกายของรัฐบาลจีน และล่าสุดส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทในจีนก็ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 รองจาก Nike เท่านั้น  

 

“ขณะนี้นักลงทุนบางส่วนอาจยังลังเลที่จะเข้าหุ้นจีน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในเชิงจิตวิทยา เมื่อปีก่อนที่หุ้นจีนปรับตัวลง ความเห็นของนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมั่นใจในจีน แต่สุดท้ายราคาก็ลดลงต่อ แต่การที่หลายคนยังลังเลในตอนนี้อาจเป็นสัญญาณว่าหุ้นจีนผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วจริงๆ” 

 

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาคือ การต่ออายุตำแหน่งประธานาธิบดีของ สีจิ้นผิง เป็นสมัยที่ 3 สิ่งที่ต้องติดตามคือ ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่จะเปิดกว้างกับตลาดทุนมากน้อยเพียงใด เพราะหากเป็นแนวเดียวกับ สีจิ้นผิง ที่เน้นการจัดระเบียบแบบก่อนหน้านี้ เราอาจจะเห็นหุ้นจีนไม่ขยับไปไหนเลยเหมือนกับช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X