ปัจจุบันคนไทยหันมา ‘ลงทุน’ กันมากขึ้น ซึ่งข้อมูลหนึ่งที่สะท้อนคือข้อมูลจาก YouTube Thailand คนไทยใช้เวลาในการรับชมวิดีโอประเภทการเงินเพิ่มขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ระหว่างเดือนเมษายน 2563 และเมษายน 2564)
ขณะที่ Twitter ก็ออกรายงานพฤติกรรมของคนไทยที่เกิดขึ้นในลักษณะที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า 8 ใน 9 คนไทยบน Twitter มีความสนใจในเรื่องการออมเงินและการลงทุน โดยมีการพูดคุยถึงเรื่อง การธนาคาร การออม การลงทุน คริปโตเคอร์เรนซี ตลอดจน NFT
ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า การลงทุนที่คนไทยกำลังให้ความสนใจในวันนี้ย่อมหนีไม่พ้น ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ หรือ ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’
เรื่องนี้เห็นได้ชัดจากรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่เปิดเผยว่า จำนวนบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยทั้งหมดกว่า 1.4 ล้านบัญชี ซึ่งน้อยกว่าบัญชีซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ราว 2.1 เท่า แต่ก็มีอัตราการขยายตัวสูงอยู่ที่ 27.6% ต่อเดือน ขณะที่บัญชีซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มีอัตราการเติบโตเพียง 2.9% ต่อเดือน สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในไทย
ด้วยความที่คนไทยหันมาสนใจคริปโต ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากชวนมาสำรวจ ‘ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี’ ของไทย ท่ามกลางเทรนด์การลงทุนที่กำลังเฟื่องฟูว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง
ภาพ: www.sec.or.th/TH/Pages/Shortcut/DigitalAsset.aspx
มีใบอนุญาตอะไรบ้าง?
ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยแบ่งออกเป็น 5 ใบอนุญาต ประกอบด้วย
- ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange)
- ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker)
- ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Dealer)
หลายคนอาจสงสัยว่า Exchange, Broker, Dealer นั้นแตกต่างกันอย่างไร คำตอบคือ Exchange นั้นเป็นบริษัทที่เป็นกระดานของตัวเองในโลกของคริปโต ซึ่งจุดนี้จะแตกต่างจากหุ้น เพราะแต่ละกระดานราคาไม่เท่ากัน แต่มักเคลื่อนไหวในเทรนด์เดียวกัน
ส่วน Broker จะไม่มี Order Book หรือสมุดบันทึกประวัติรายการซื้อขายเป็นของตัวเอง แต่จะทำการเชื่อม Order Book กับศูนย์ซื้อขายอื่น เพื่อให้ส่งคำสั่งซื้อได้
ตัวอย่างเช่น Upbit ซึ่งเป็นทั้ง Exchange และ Broker โดยมีการเชื่อมต่อ Order Book ในตลาดคู่เทรดอิงคริปโต ด้วยเหรียญ BTC และ USDT ซึ่งได้เชื่อมตลาดทุกสาขาของ Upbit ทั้งเกาหลีใต้ สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย
ส่วน Dealer เป็นบริษัทที่ตั้งจุดราคาให้ลูกค้ามาซื้อขายกับบริษัท ซึ่งเหมาะกับการซื้อ-ขายครั้งละจำนวนมาก และต้องการประกันราคา
- ICO Portal ซึ่งเป็นผู้รับทำแปลงสินทรัพย์เป็น Token ซึ่งในประเทศไทยมี 2 แบบตามนิยามกฎหมายไทย คือ โทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) และ โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token)
- ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Investment Advisory) ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำการลงทุน
สรุปภาวะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
จากรายงานของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ออกมาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมาพบว่า ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกมีมูลค่าตลาด (Market Cap) ประมาณ 2.64 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (40.09% มาจาก Bitcoin) และมีมูลค่าการซื้อขายล่าสุด 130.71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อวัน
ภาพ: https://www.sec.or.th/TH/PublishingImages
ที่น่าสนใจคือมูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่มาจากบุคคลธรรมดา (รายย่อย) ในประเทศ สังเกตได้จากกราฟเดือนเมษายน-พฤษภาคม ที่พุ่งขึ้นสูงกว่า 1.18 แสนล้านบาท กับ 1.56 แสนล้านบาท ขณะที่เดือนล่าสุดอย่างพฤศจิกายนก็พุ่งสูงกว่า 1.71 แสนล้านบาทด้วยกัน
นอกจากบุคคลธรรมดาในประเทศแล้ว ยังมีนิติบุคคลในต่างประเทศ (คาดว่าเป็น Market Maker หรือผู้ให้สภาพคล่อง ซึ่ง Market Maker อาจเป็นใครก็ได้ที่ Exchange จ้างมาสร้างสภาพคล่องให้กับนักลงทุนบนกระดานนั้นๆ) เริ่มเข้ามามากขึ้น โดยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งอยู่ที่ 4 พันล้านบาท ส่วนเดือนพฤศจิกายนได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท
อีกจุดที่น่าสนใจคือ ปริมาณการซื้อขายระหว่างบุคคลธรรมดาในประเทศ และบุคคลธรรมดาในต่างประเทศค่อนข้างแตกต่างกันในต้นปีและในปลายปี ขณะที่ตั้งแต่เดือนตุลาคม นิติบุคคลต่างประเทศเข้ามาซื้อขายจาก 6 พันล้านบาท เพิ่มเป็น 1.3 หมื่นล้านบาทในเดือนพฤศจิกายน
ภาพ: https://www.sec.or.th/TH/PublishingImages
มูลค่าการซื้อขายเริ่มกลับมาสูงขึ้นตามแนวโน้มราคาของตลาดคริปโต โดยพบว่า เหรียญ Bitcoin และ Ethereum ซึ่งเป็นเหรียญที่มี Market Cap มากที่สุดสองอันดับแรกของโลก มีปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นน้อยกว่าเหรียญอื่นๆ ดังนั้นจึงเห็นว่าเริ่มมีการกระจายตัวของการซื้อเหรียญต่างๆ มากขึ้น
เรื่องนี้สะท้อนได้จากจำนวนมูลค่าการซื้อขายของเหรียญอื่นๆ เพิ่มขึ้นจากในเดือนเมษายน Bitcoin และ Ethereum รวมกันอยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาทของการซื้อขายทั้งหมด เหรียญอื่นๆ อยู่ที่ 1.39 แสนล้านบาท แต่ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น แม้ Bitcoin และ Ethereum มีมูลค่าการซื้อขายรวม 2.7 หมื่นล้านบาท ในขณะที่เหรียญอื่นๆ มีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นมาเป็น 1.78 แสนล้านบาทด้วยกัน
นอกจากนี้ปริมาณการซื้อขายในแต่ละเดือนมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างเดือนกรกฎาคมมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 7.1 หมื่นล้านบาท แต่ในเดือนพฤศจิกายน กลับเพิ่มขึ้นมาเป็น 2.05 แสนล้านบาท หรือตกเฉลี่ยวันละ 6.9 พันล้านบาทเลยทีเดียว
ปัจจัยนี้ทำให้ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยเร่งลิสต์เหรียญกันอย่างดุเดือด โดยล่าสุด Upbit ได้กลายเป็นศูนย์ซื้อขายที่มีเหรียญให้เลือกเทรดมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีมากถึง 90 เหรียญ ในขณะที่อันดับสองอย่าง Zipmex มี 54 เหรียญ และอันดับสามอย่าง Bitkub มี 51 เหรียญ
จากข้อมูลทั้งหมดหวังว่า จะทำให้ผู้ที่กำลังสนใจในคริปโตมองเห็นภาพรวมของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยเมื่อเทียบกับทั่วโลกแล้วมากขึ้น
ซึ่งหากใครที่อยากเริ่มเข้าสู่แวดวงคริปโตเคอร์เรนซี ‘Upbit’ เองก็ถือว่าน่าสนใจ เพราะได้รับรองจาก ก.ล.ต. และมีเหรียญให้เลือกเทรดเยอะที่สุดในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน
ซึ่งตอนนี้ทาง Upbit ก็มีแคมเปญแจก Bitcoin ให้แก่ลูกค้าใหม่ ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงสมัคร ยืนยันตัวตน และฝากเงินขั้นต่ำ 1,000 บาท ในช่วงนี้ โดยสามารถดาวน์โหลดและเปิดบัญชีกับ Upbit ได้ที่ https://go.upbit.one/ts1
สามารถดาวน์โหลดได้ที่ https://upbit.one/7u03/thestandard
#KnowWhatYouTrade #UpbitThailand
อ้างอิง:
