กรมสรรพากรไทยกำลังเตรียมเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากรายได้ต่างประเทศ รวมถึงรายได้จากการซื้อขายคริปโตของบุคคลใดก็ตามที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมากกว่า 180 วันต่อปี ซึ่งกฎหมายใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567
โดยช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานว่ากรมสรรพากรไทยได้เตรียมกำหนดให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเกิน 180 วันต่อปี และมีรายได้จากต่างประเทศต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 48 แห่งประมวลรัษฎากร โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- EXCLUSIVE: จับตา High Net Worth ไทยลงทุนหุ้นนอกหลายพันราย โดนรีดภาษีเงินได้จากต่างประเทศ ฟากกองทุนรวมต่างประเทศรอด
- ‘ดร.นิเวศน์’ หวั่นภาษีลงทุนต่างประเทศ ปิดเกมนักลงทุนมุ่งลงทุนนอก
- แบงก์ไทยพาณิชย์ คาด สรรพากรประกาศแนวปฏิบัติภายในเดือน ต.ค. นี้ พร้อมไขข้อข้องใจ ‘เก็บภาษีลงทุนนอก’ เงื่อนไขแบบไหนเข้าข่ายเสียภาษี
- ไขความกระจ่าง ‘ภาษีเงินได้ต่างประเทศ’ กับ 8 ข้อควรรู้!
ตามกฎหมายฉบับใหม่ระบุว่า ผู้ที่ได้รับรายได้จากการทำงานหรือทรัพย์สินในต่างประเทศจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งรวมถึงผู้ที่ซื้อขายหุ้นต่างประเทศผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศและเว็บเทรดสกุลเงินดิจิทัลที่อยู่ต่างประเทศอีกด้วย
จากประกาศของกรมสรรพากร ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีคริปโตจากต่างประเทศ ได้แก่ ผู้ที่มีรายได้จากคริปโตในต่างประเทศ ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ก็ตาม หรือผู้ที่มีรายได้จากคริปโตในต่างประเทศ แต่นำกำไรกลับเข้าประเทศไทย
สิ่งนี้จะทำให้นักเทรดคริปโตที่เปิดบัญชีซื้อขายกับเว็บเทรดต่างประเทศต้องเสียภาษีอย่างถูกต้อง ซึ่ง Binance เป็นเว็บเทรดที่มีวอลุ่มการซื้อขายมากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน และเป็นเว็บเทรดที่คนไทยนิยมใช้กันอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม นักเทรดต่างชาติตั้งข้อโต้แย้งว่ากฎหมายนี้ยังคงมีความไม่ชัดเจน เช่น นักเทรดต่างชาติที่เกษียณอายุและอาศัยในประเทศไทย พร้อมรายได้จากเงินบำนาญจากต่างประเทศจะเข้าข่ายต้องเสียภาษีในกรณีนี้หรือไม่ และจะมีการจัดเก็บภาษีจากการซื้อขายคริปโตในต่างประเทศอย่างไร
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกรกฎาคม สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดให้ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลเสนอคำเตือนที่เหมาะสมโดยเน้นถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล นอกจากนี้ยังห้ามไม่ให้มีบริการให้ยืมคริปโตทุกรูปแบบอีกด้วย ก่อนหน้านั้น เมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 กรมสรรพากรประกาศจัดเก็บภาษีจากการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล 15% ท่ามกลางความเห็นจากสมาชิกในชุมชนคริปโตที่หลากหลาย
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง: