TRM Labs เผยว่า มูลค่าการแฮ็กของคริปโตในปี 2023 ลดลงเหลือเพียง 6 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่ราว 1.4 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นการปรับตัวลงกว่า 50%
ในวันอังคารที่ผ่านมา (12 ธันวาคม) TRM Labs ได้ออกรายงานมาว่า ปริมาณการแฮ็กคริปโตนับตั้งแต่ช่วงต้นจนถึงเดือนพฤศจิกายนปี 2023 ลดลงเหลือ 1.7 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนหน้า (2022) ที่ราว 4 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.4 แสนล้านบาท คิดเป็นการปรับลดลงราว 50%
โดยทาง TRM Labs ได้อธิบายว่าเหตุผลการลดลงของมูลค่าการแฮ็กในโลกคริปโตนั้นมาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ความปลอดภัยของอุตสาหกรรมที่สูงขึ้น, มีมาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้น และการร่วมมือกันของผู้มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมที่มากขึ้น
แต่แม้จะมีข่าวดีถึงการพัฒนาการในการป้องกันและดูแลอุตสาหกรรมคริปโตดังที่กล่าวมา แต่การพัฒนาของเหล่าแฮกเกอร์ก็เป็นไปอย่างรวดเร็วและไร้รูปแบบตายตัวเช่นกัน ซึ่งหากการดูแลหละหลวมขึ้นมาในวันใดวันหนึ่งก็อาจทำให้สถานการณ์การแฮ็กในโลกคริปโตที่กำลังปรับตัวไปในทิศทางที่ดีกลับทิศไปอีกทางหนึ่งก็เป็นได้
ซึ่งมูลค่าการแฮ็กในคริปโตกว่า 60% มาจาก ‘Infrastructure Attack’ หรือ ‘การโจมตีที่โครงสร้างขั้นพื้นฐานของเครือข่ายบล็อกเชน’ ซึ่งทำได้โดยการที่เหล่าแฮกเกอร์ค่อยๆ หาทางเข้าถึง ‘Private Keys’ หรือ ‘Seed Phrases’ ของระบบคริปโตดังกล่าว เพื่อให้สามารถแฮ็กเงินออกมาหรือควบคุมตลาดนั้นๆ ได้
และจากข่าวที่ crypto.news เผยว่า ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนปี 2023 เพียงเดือนเดียว มีการแฮ็กเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม Poloniex, HTX, HECO Bridge, KyberSwap และ Kronos Research ทำให้ได้เงินไปกว่า 290 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดย Poloniex, HTX และ HECO Bridge ล้วนเป็นแพลตฟอร์มภายใต้การดูแลของ จัสติน ซัน ผู้ก่อตั้งเครือข่าย TRON
อ้างอิง: