ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากอุปทาน (กำลังการผลิต) ของลิเบียตึงตัวก่อนการประชุมองค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) ในวันพรุ่งนี้ (4 มกราคม) เพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายการผลิตในเดือนกุมภาพันธ์
ราคาน้ำมันในตลาดฟิวเจอร์สในนิวยอร์กพุ่งขึ้นสู่ระดับ 76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในการซื้อขาย หลังจากร่วงลง 2.3% ในวันศุกร์ (31 ธันวาคม 2564) เนื่องจากกำลังการผลิตของลิเบียถูกคาดว่าจะลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งปี จากการที่คนงานพยายามซ่อมแซมท่อส่งน้ำมันที่เสียหาย ขณะเดียวกัน กลุ่มพันธมิตร OPEC+ ตกลงที่จะเพิ่มการผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ 2565
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันปี 2564 ปรับเพิ่มขึ้น 50% นับเป็นการปรับขึ้นครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 เนื่องจากการคิดค้นและพัฒนาวัคซีนโควิด ช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง ส่งผลให้ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น แม้ว่ากลุ่ม OPEC+ พร้อมที่จะเพิ่มอุปทานอีก 400,000 บาร์เรลต่อวันในอุปทานทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความต้องการน้ำมันดิบ โดยเฉพาะเมื่อจีนจัดการกับการระบาดของโควิดและสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งนำไปสู่การยกเลิกเที่ยวบินจากทั่วโลก
Vandana Hari ผู้ก่อตั้ง Vanda Insights ในสิงคโปร์ กล่าวว่า ผลการตัดสินใจของ OPEC+ เมื่อปีที่แล้วนั้นเป็นข้อมูลที่ถูกลืมไปชั่วขณะ และข่าวเกี่ยวกับโอไมครอนจะยังคงมีอิทธิพลสำคัญต่อความเชื่อมั่นด้านน้ำมัน ดังนั้นเราน่าจะเห็นการไล่ราคาในวันนี้ หลังจากเร่งขายเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่ Abhishek Chauhan หัวหน้าฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์ บริษัท Swastika Investmart Ltd. กล่าวว่า กำลังการผลิตที่ถูกจำกัดของลิเบียก่อนการประชุม OPEC+ ทำให้ความเชื่อมั่นของตลาดเป็นไปในเชิงบวก
โดยราคาน้ำมัน West Texas Intermediate (WTI) ส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 0.7% มาที่ 75.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาเบรนต์สำหรับเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 0.7% ที่ 78.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
จากข้อมูลล่าสุด ลิเบียคาดว่ากำลังการผลิตน้ำมันจะลดลงอีก 200,000 บาร์เรลต่อวันในสัปดาห์หน้า เมื่อรวมกับอุปทานที่สูญเสียไปจากการซ่อมบำรุง จะทำให้ผลผลิตโดยรวมลดลงเหลือประมาณ 700,000 บาร์เรลต่อวัน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์น้ำมันได้ปรับลดการคาดการณ์ราคาสำหรับปี 2565 เนื่องจากโควิดสายพันธุ์โอไมครอนซึ่งแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดปัญหาต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์เชื้อเพลิงและความเสี่ยงที่อุปทานล้น เนื่องจากผู้ผลิตเพิ่มกำลังการผลิต
โดยผลสำรวจจากนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ 35 คน คาดการณ์ว่าน้ำมันดิบเบรนต์จะอยู่ที่ 73.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2565 ลดลง 2% จากการสำรวจในเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่มุมมองส่วนใหญ่คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนต์อยู่ที่ 75.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และนับเป็นการลดลงครั้งแรกในการคาดการณ์ราคาปี 2565 นับตั้งแต่โพลในเดือนสิงหาคม
บริษัทพลังงานของสหรัฐฯ ได้เพิ่มแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นประวัติการณ์ 17 เดือนติดต่อกัน เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นได้ล่อให้ผู้ขุดเจาะบางส่วนกลับมาที่หลุมผลิต หลังจากอุปสงค์จากไวรัสโคโรนาที่ลดลงในปีที่แล้ว
อ้างอิง:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-01-02/oil-climbs-as-libyan-output-falls-ahead-of-opec-supply-meeting?sref=CVqPBMVg
- https://www.reuters.com/markets/commodities/oil-starts-new-year-positive-note-pandemic-worries-curb-gains-2022-01-03/
- https://www.cnbc.com/2022/01/03/oil-markets-demand-concerns-covid.html?&qsearchterm=
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP