×

‘โรนัลโด vs. แมนฯ ยูไนเต็ด’ ศึกนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ?

06.07.2022
  • LOADING...
โรนัลโด vs. แมนฯ ยูไนเต็ด

ในขณะที่ วินิจ เลิศรัตนชัย กำลังตอบคำถามผู้สื่อข่าวในห้องแถลงข่าวที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน สังเวียนแมตช์ประวัติศาสตร์ THE MATCH: Bangkok Century Cup 2022 เกี่ยวกับเรื่องของ คริสเตียโน โรนัลโด ว่าจะร่วมเดินทางมาลงเล่นที่ประเทศไทยหรือไม่ เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่สื่อต่างประเทศรายงานว่า สตาร์วัย 37 ปีไม่ได้เดินทางมาซ้อมกับทีมเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน (และล่าสุดมีรายงานว่าขาดซ้อมเป็นวันที่ 3 แล้ว)

 

และการหายตัวไปของเขาอาจไม่ใช่แค่วันหรือสองวัน แต่อาจไม่มีกำหนด โดยที่แม้แต่สโมสรเองก็ไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าโรนัลโดจะกลับมารายงานตัวฝึกซ้อมกับทีมเมื่อไร ไปจนถึงจะกลับมารายงานตัวกับทีมอีกไหม

 

ท่าทีนี้ชัดเจนว่าเป็นการ ‘ยื่นคำขาด’ ของนักฟุตบอลต่อสโมสรในการขอให้เปิดทางเพื่อจะย้ายไปสโมสรอื่นที่ต้องการ

 

อย่างไรก็ดี ตามรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศที่มีความน่าเชื่อถือสูงหลายแห่งระบุตรงกันว่า ทางฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มีจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน และเป็นคำตอบเดียวกับที่ได้ให้ต่อผู้จัดงาน #THEMATCH2022

 

“โรนัลโดไม่ได้มีไว้ขาย”


แล้วแบบนี้เรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร?

 

แผนจรลีที่ร้ายกาจ แต่ก็พอเข้าใจได้

 

ต้องยอมรับว่าการแสดงออกถึงท่าทีที่ต้องการจะย้ายออกจากโอลด์แทรฟฟอร์ด – ที่ที่โรนัลโดเปรียบว่าเป็นเหมือน ‘บ้าน’ อีกหลังของชีวิต – ทั้งๆ ที่เพิ่งกลับมาอยู่กับทีมได้เหมือนความฝันแค่เพียงฤดูกาลเดียว ในแบบที่ทำอยู่นั้นดูมีความ ‘ใจดำ’ อยู่ในที

 

เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึง เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมคนใหม่ มีท่าทีที่ชัดเจนว่าในฤดูกาลหน้าโรนัลโดจะยังคงเป็นกำลังสำคัญของทีมเหมือนเดิม ซึ่งแตกต่างจากท่าทีของ ราล์ฟ รังนิก อดีตรักษาการณ์ผู้จัดการทีมที่ต้องการขายสตาร์วัย 37 ปีออกจากทีมตั้งแต่ช่วงปีใหม่ หลังมองเห็นเค้าลางว่าการคงอยู่ของสุดยอดกองหน้าตลอดกาลจะนำมาสู่หายนะของทีม แต่กุนซือชาวเยอรมันทำไม่สำเร็จ

 

การมีโรนัลโดอยู่เป็นแกนกลางของแผนการ ทำให้ในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวในการเสริมแนวรุกแม้แต่รายเดียว โดยที่ใกล้เคียงที่สุดคือการพยายามติดตามตัว ดาร์วิน นูนเญซ สตาร์กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยจากเบนฟิกา

 

เพียงแต่เมื่อทราบสนนราคาที่สโมสรดังจากโปรตุเกสตั้งไว้ที่ 100 ล้านยูโร ซึ่งสูงเกินกว่าที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการจะจ่าย และเมื่อรู้ว่าลิเวอร์พูลคู่แข่งสำคัญต้องการชิงตัว โดยมีข้อได้เปรียบในเรื่องของโอกาสในการประสบความสำเร็จและการได้เล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ทำให้ จอห์น เมอร์โท ในฐานะผู้อำนวยการสโมสร ตัดสินใจไม่เดินหน้าต่อ และหันไปหาเป้าหมายหลักในการเสริมแดนกลางกับ แฟรงกี เดอ ยอง จากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม แทน

 

อย่างไรก็ดี หากโรนัลโดได้แจ้งกับสโมสรหรือส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่าต้องการที่จะย้ายออกจากทีม โดยให้เหตุผลในเรื่องของความปรารถนาที่ต้องการจะไขว่คว้าความสำเร็จในช่วงบั้นปลายชีวิตการเล่น และต้องการเล่นในฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเท่านั้น บางทีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะเปลี่ยนแปลงลำดับความสำคัญได้

 

กระนั้นการที่ดาวเตะขวัญใจอันดับหนึ่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้นั้นก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้เช่นกัน เพราะโรนัลโดไม่ได้คิดว่าจะต้องการย้ายออกจากโอลด์แทรฟฟอร์ดหมดทั้งใจ ยังมีความรู้สึกและเยื่อใยที่อยากจะพิสูจน์ว่าการกลับมาครั้งนี้ดีกว่าที่คิด

 

ปัญหาอาจจะอยู่ที่การปรับทัพเสริมทีมที่ล่าช้า ไม่มีความคืบหน้าหรือข่าวดีที่พอจะทำให้มั่นใจได้ว่าในฤดูกาลหน้าจะไม่แย่เหมือนฤดูกาลที่ผ่านมา กลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้โรนัลโดเริ่มทบทวนถึงอนาคตที่เหลืออยู่ ซึ่งมีการประเมินไว้ว่า 3-4 ปีที่อยากจะเล่นในระดับสูงสุดต่อไป

 

เมื่อรวมกับอีกเหตุผลที่มีความสำคัญ คือเรื่องของครอบครัวที่ประสบปัญหากับการใช้ชีวิตในอังกฤษ โดยเฉพาะลูกๆ ของโรนัลโดและ จอร์จินา โรดริเกซ คู่ชีวิต นำไปสู่การตัดสินใจที่แจ้งต่อสโมสรว่าต้องการย้ายออกจากทีม โดยที่ระหว่างทางได้ติดต่อกับเชลซีเอาไว้ตามรายงานข่าวที่มีปรากฏตามสื่อ

 

ทิ้งปัญหาให้เทน ฮาก, จอห์น เมอร์โท, ริชาร์ด อาร์โนลด์ ไปจนถึงแฟนบอลต้องปวดทั้งหัวปวดทั้งใจ

 

ปีศาจแดงบนจุดเปลี่ยนที่สำคัญอย่างยิ่งยวด

 

การแสดงออกท่าทีของนักฟุตบอลที่ต้องการจะย้ายออกจากสโมสร ไม่ได้แปลว่าตอนจบของเรื่องจะต้องจบด้วยการแยกทางเสมอไป

 

ในรายของโรนัลโดเองก็เคยมีอาการแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2008 ในช่วงที่ไต่ระดับขึ้นมาสู่จุดสูงสุดของโลกลูกหนัง และต้องการจะย้ายไปเรอัล มาดริด เพื่อไปต่อให้ถึงทีมในความฝัน ซึ่งทำให้ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม ต้องเดินทางไปเกลี้ยกล่อมถึงบ้านของสตาร์ที่โปรตุเกส ก่อนที่จะสามารถรั้งตัวเอาไว้ได้อีกหนึ่งฤดูกาล แล้วจึงย้ายไปสเปนใน 1 ปีถัดมาด้วยค่าตัวสถิติโลก 80 ล้านปอนด์

 

เพียงแต่โจทย์ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องทบทวนตัวเองให้หนักคือ ตกลงแล้วพวกเขาต้องการจะเก็บตัวโรนัลโดต่อไปเอาไว้อย่างที่บอกหรือไม่?

 

เหตุผลสำหรับการที่จะเก็บซูเปอร์สตาร์รายนี้เอาไว้กับทีมต่อไปนั้น ประโยชน์ที่โรนัลโดมีต่อทีมที่แน่นอนคือเรื่องของจำนวนประตูที่การันตีได้ ขนาดในฤดูกาลที่แล้วที่ทีมย่ำแย่ยังยิงได้ถึง 24 ประตู จากการลงสนาม 38 นัด ในจำนวนนี้เป็นประตูที่ไม่ได้มาจากการยิงจุดโทษถึง 15 ลูก และในพรีเมียร์ลีกยิงไป 18 ลูก มีเพียงแค่ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ กับ ซนฮึงมิน เท่านั้นที่ยิงได้มากกว่า

 

อีกเรื่องคือการเป็นสัญลักษณ์ของทีม เป็นแม่เหล็กที่สำคัญสำหรับเรื่องของแบรนดิ้ง ในฐานะตัวแทนเรื่องความรักความผูกพันระหว่างสโมสรและนักเตะ

 

สิ่งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องทำหากจะรั้งตัวไว้ให้ได้ คือการพยายามใจแข็งยืนกราน ไม่ปล่อยตัวออกจากสโมสร เน้นย้ำเรื่องสัญญาที่มี และพยายามเปลี่ยนใจให้ได้ผ่านการเจรจากับเทน ฮาก ซึ่งทั้งคู่ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันอย่างจริงจัง อีกด้านคือการรีบเร่งคว้านักเตะเข้ามาเสริมทีม โดยล่าสุดได้ ไทเรลล์ มาลาเซีย แบ็กซ้ายจากเฟเยนูร์ดเป็นนักเตะใหม่รายแรก และคาดว่า คริสเตียน อีริกเซน กองกลางเวิลด์คลาสทีมชาติเดนมาร์กจะตามมา และหวังว่า แฟรงกี เดอ ยอง เป้าหมายหลักจะตามมาเช่นกัน

 

แต่ในอีกด้านหนึ่ง โรนัลโดเองก็เป็นปัญหาที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เช่นเดียวกัน เพราะแม้จะเป็นคนที่มีผลผลิตเป็นประตูมากมาย แต่ด้วยสไตล์การเล่นที่ปัจจุบันในวัย 37 ปีมีการปรับเปลี่ยนไปมาก และไม่โฟกัสอย่างอื่นเลยนอกจากการทำประตูในกรอบเขตโทษที่เขาถนัด เรื่องนี้ส่งผลต่อระบบและสมดุลของทีมอย่างมาก

 

จากสถิติแล้ว โรนัลโดเป็นนักเตะที่เพรสซิงน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีก ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลให้ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ และราล์ฟ รังนิก ล้มเหลวในการจะหาวิธีที่จะใช้งานเขาให้เกิดประโยชน์ที่สุด โดยที่ทีมไม่ได้รับผลกระทบตามไปด้วย

 

สไตล์ของโรนัลโดคือขั้วตรงข้ามของระบบการเล่นฟุตบอลสมัยใหม่ที่ใช้การเพรสซิง ซึ่งเทน ฮาก เองก็เป็นคนที่มีสไตล์เพรสซิงดุดัน ตัวเลขสถิติของอาแจ็กซ์นั้นไม่ได้เป็นรองใครในยุโรปเลย และนั่นหมายถึงมีโอกาสที่ CR7 จะยังเป็นอุปสรรคในระบบการเล่นของทีมเช่นกัน

 

การปล่อยให้โรนัลโดไปแม้อาจจะ ‘เจ็บ’ แต่ก็จะเป็นการ ‘จบ’ ปัญหาใหญ่ และทุกฝ่ายจะได้เริ่มต้นกันใหม่เช่นกัน และหมายถึงการปลด ‘พันธนาการ’ ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นในทีมที่มีอาการเกรงใจนักเตะระดับสุดยอดของโลกที่เอาแต่ใจในหลายครั้ง ไปจนถึงการลดภาระทางการเงินของสโมสร ที่ต้องจ่ายค่าเหนื่อยมากกว่าสัปดาห์ละ 5 แสนปอนด์ ที่สามารถนำไปใช้ในการปรับทัพเสริมทีมได้

 

โรนัลโดอยู่หรือไป และจะมาไทยไหม?

 

จากทิศทางข่าวในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา โรนัลโดกำลังลุ้นว่าจะมีทีมใดที่ทำการเจรจาอย่างจริงจังหรือไม่ โดยทีมที่อยู่ในกระแสข่าวมากที่สุดคือเชลซี ที่ ทอดด์ โบห์ลี เจ้าของสโมสรใหม่คาดหวังจะเป็น Marquee Signing หรือการเซ็นสัญญาใหญ่เปิดตัวยุคของเขา นอกเหนือจากนั้นคือบาเยิร์น มิวนิก และนาโปลีที่มีข่าวด้วย


เพียงแต่ความเคลื่อนไหวนั้นยังดูน้อยและช้า และทำให้เรื่องนี้อาจจะเป็นมหากาพย์ระยะยาว

 

สิ่งที่อาจจะเกิดควบคู่กันไปคือ ข่าวการมองหาใครสักคนเพื่อเป็นตัวตายตัวแทนของโรนัลโด หรือเข้ามาเสริมแนวรุกตามที่เทน ฮาก ต้องการ ซึ่งเป้าหมายที่อยู่ในกระแสข่าวคือ แอนโทนี ปีกทีมชาติบราซิล ลูกน้องเก่าใน โยฮัน ครัฟฟ์ อารีนา (ไม่นับแนวรับที่หวังจะได้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ จากทีมเก่าอีกราย)

 

โดยที่ภายในทีมเองนักเตะที่ถูกจับตามองคือ อองโตนี มาร์กซิยาล ที่เหมือนเคยถอดใจไปแล้วกับทีม แต่กลับมาดูกระชุ่มกระชวยและตั้งใจพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง และอาจจะกลายเป็นศูนย์หน้าในทีมยุคใหม่ได้ เช่นเดียวกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ฮีโร่ขวัญใจแฟนๆ ท้องถิ่น ไปจนถึง แอนโธนี เอลังกา และ อเลฮานโดร การ์นาโช ดาวรุ่งรุ่นใหม่

 

ส่วนคำถามสำคัญที่หลายคนอยากรู้ว่าโรนัลโดจะมาไทยไหม? เป็นสิ่งที่ยังยากจะให้คำตอบ เพราะแม้ปกติแล้วนักฟุตบอลจะไม่สามารถเลี่ยงการทำหน้าที่ในการซ้อมและลงแข่งได้ตามสัญญาที่ผูกพันกันไว้ แต่ในกรณีของโรนัลโดที่ให้เหตุผล ‘เรื่องครอบครัว’ ทำให้สโมสรขยับตัวได้ยาก

 

โอกาสที่จะเดินทางมาทัวร์ในไทยก่อนจะไปออสเตรเลียต่อ ถือว่ามีพอๆ กับโอกาสที่จะไม่ปรากฏตัว เพื่อแสดงจุดยืนแน่ชัดว่าจะไม่ลงเล่นให้สโมสรอีก

 

เพียงแต่สถานการณ์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง ทุกเวลานาที

 

บางทีแม้แต่ตัวโรนัลโดเองก็อาจจะเดาไม่ถูกเช่นกันว่า อนาคตของตัวเองในวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X