ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์ได้รับคำชื่นชมอย่างสูงจากการจัดวางสถานะตัวเองเป็น ‘ฮับ’ ไม่เพียงแต่เรื่องของความบันเทิงอย่างการจัดงานคอนเสิร์ตระดับโลก แต่ยังรวมถึงการเป็นศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้บรรดาสโมสรฟุตบอลดังเดินทางมาโชว์เพลงแข้งรับทรัพย์ก้อนโต แต่ประเทศที่เป็นหนึ่งในชาติที่เก่งที่สุดของเอเชียอย่างเกาหลีใต้กลับประสบปัญหาในการจัดการแข่งขันในช่วงพรีซีซันอย่างรุนแรง
เดิมแฟนบอลแดนกิมจิคาดว่าจะได้เต็มอิ่มในช่วงเดือนกรกฎาคมกับการชมเกมอุ่นเครื่องเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ของสโมสรฟุตบอลดังจากยุโรปมากถึง 7 ทีมด้วยกัน แต่ปรากฏว่าสุดท้ายแล้วเหลือเพียงแค่ 2 ทีมที่จะเดินทางมาทำการอุ่นเครื่อง คือการพบกันระหว่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์คว้า 3 แชมป์ได้ในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งจะพบกับแอตเลติโก มาดริด สโมสรฟุตบอลดังของสเปนในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้
ขณะที่ 5 ทีมที่ล้มเลิกการมาทัวร์ ได้แก่ นาโปลี แชมป์ฟุตบอลลีกอิตาลีฤดูกาลล่าสุด, โรมา แชมป์ฟุตบอลยูฟ่ายูโรปาลีก, กลาสโกว์ เซลติก แชมป์ฟุตบอลลีกสกอตแลนด์, วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส สโมสรฟุตบอลดังจากพรีเมียร์ลีก และเรอัล มายอร์กา สโมสรฟุตบอลจากสเปน
สิ่งที่น่าสนใจคือทั้ง 5 ทีมที่ล้มเลิกแผนการเดินทางมาโชว์ตัวที่เกาหลีใต้นั้นมีนักเตะชาวเกาหลีอยู่ในทีมทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอย่างมาก เพราะหนึ่งในกลยุทธ์ของสโมสรฟุตบอลในยุโรปที่จะใช้ในการเจาะตลาดแฟนบอลชาวเอเชียที่ได้ผลตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คือการใช้นักฟุตบอลเป็น Endorser เชื่อมโยงระหว่างสโมสรเข้ากับแฟนบอลในประเทศนั้นๆ
อย่างไรก็ดี สาเหตุสำคัญที่ทำให้มีการยกเลิกแมตช์อุ่นเครื่องมากมายในเกาหลีใต้เกิดจากการที่สมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ออกกฎให้โปรโมเตอร์ผู้จัดการแข่งขันต้องวางเงินมัดจำมากถึง 600,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 21.093 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันว่าโปรโมเตอร์มีงบประมาณเพียงพอที่จะจัดการแข่งขันจริง พร้อมกับเซ็นสัญญาที่มีเงื่อนไขจ่ายเงินชดเชยหากว่านักเตะระดับสตาร์จะลงสนามเต็มเกม
การที่สมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ต้องออกกฎแบบนี้เนื่องจากเคยเกิดเหตุการณ์ความไม่พอใจในเกมอุ่นเครื่องที่ยูเวนตุส สโมสรฟุตบอลดังของอิตาลีมาทำการแข่งขันที่กรุงโซลเมื่อปี 2019 ซึ่งในครั้งนั้นนำมาโดย คริสเตียโน โรนัลโด ที่ยังอยู่ในฟอร์มการเล่นที่สุดยอดและเป็นซูเปอร์สตาร์ที่แฟนบอลทั่วโลกอยากเจอ ทำให้มีแฟนบอลซื้อตั๋วเข้าชมเกมมากถึง 66,000 คน แต่สุดท้ายดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสกลับไม่ได้ลงสนาม โดยนั่งอยู่บนม้านั่งสำรองตลอด 90 นาที ทำให้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากกลุ่มแฟนบอลต่อฝ่ายจัดการแข่งขัน
สำหรับ 5 ทีมที่ยกเลิกเกมไปนั้นฝ่ายจัดการแข่งขันไม่สามารถวางเงินประกันจำนวนดังกล่าวได้ ทำให้สุดท้ายเกมต้องยกเลิกไป โดยทีมสุดท้ายที่ขอยกเลิกคือกลาสโกว์ เซลติก ซึ่งชี้แจงในแถลงการณ์ว่าฝ่ายจัดการแข่งขันไม่สามารถทำตามข้อตกลงทางการเงินหรือเรื่องการเดินทาง และมีความล่าช้ามาหลายสัปดาห์จนนำไปสู่การตัดสินใจถอนตัว แต่ทีมเก่าแก่ของสกอตแลนด์จะเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่ออุ่นเครื่องที่โยโกฮามาและโอซาก้าแทน ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพราะมีนักฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่นเป็นแกนหลักในทีมถึง 5 คน
ดังนั้นแม้ว่าสโมสรฟุตบอลจะมองเห็นศักยภาพและโอกาสในการเจาะตลาดแฟนบอลเอเชีย ซึ่งสามารถสร้างรายได้ได้อย่างมหาศาล แต่ปัญหาคือหากไม่ได้เป็นทีมดังอย่างเรอัล มาดริด หรือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สามารถทำเงินได้ถึง 6 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 210.94 ล้านบาทต่อการลงแข่ง 1 นัด และเรียกแฟนบอลได้เต็มสนาม การจะหวังพึ่งพลังของนักฟุตบอลชาติตัวเองในทีมฟุตบอลนั้นๆ เพื่อเชื่อมเข้ากับแฟนบอลเอเชียอาจไม่เพียงพอ และดูเป็นกลยุทธ์ที่เริ่มไม่ได้ผล
“แฟนๆ จากประเทศเหล่านี้จะตามไปเชียร์และมีส่วนร่วม แต่เราได้เห็นแล้วว่าเมื่อนักเตะคนนั้นๆ ย้ายออก แฟนบอลก็เลิกเชียร์ตามไปด้วย ยกเว้นแค่แฟนบอลกลุ่มเดนตายเท่านั้น” ไซมอน แชดวิก (Simon Chadwick) ศาสตราจารย์ด้านกีฬาและภูมิเศรษฐศาสตร์จาก SKEMA Business School ในปารีสให้สัมภาษณ์ต่อ Nikkei
“ผมคิดว่าหลายๆ สโมสรในยุโรปไม่ได้เข้าใจชาวเอเชียอย่างแท้จริง” แชดวิกกล่าวต่อ “ตลาดกีฬาในอเมริกาเหนือต่างหากที่เป็นของตายที่จะทำเงินได้แน่ๆ ที่นั่นเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่ามาก”
ภาพ: Daniele Badolato – Juventus FC / Juventus FC via Getty Images
อ้างอิง: