เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) ตั้งเป้าหมายปี 2566 โดยตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 12-15%YoY โดยได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว การท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก และการขยายและปรับปรุงสาขา ทั้งนี้ เมื่อแยกตามประเทศ บริษัทตั้งเป้ายอดขายในประเทศไทยเติบโต 14-16% เวียดนามเติบโต 10-12% และอิตาลีเติบโต 9-11%
ขณะที่เมื่อแยกตามกลุ่มธุรกิจ บริษัทตั้งเป้ายอดขายกลุ่มแฟชั่นเติบโต 14-16% กลุ่มฮาร์ดไลน์เติบโต 13-15% และกลุ่มฟู้ดเติบโต 10-12% สำหรับการขยายสาขารูปแบบขนาดใหญ่ บริษัทวางแผนเปิดห้างสรรพสินค้า 2 สาขา (โรบินสัน ภูเก็ต และเซ็นทรัล เวสต์วิลล์) ร้านไทวัสดุ 10 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต 15 สาขา และโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ 1 สาขา ในประเทศไทย ซูเปอร์มาร์เก็ต 8-10 สาขา และร้าน Nguyen Kim 5 สาขา ในเวียดนาม
บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการให้เช่าและบริการเติบโต 18-20% อันเป็นผลมาจากอัตราการเช่าพื้นที่ที่ดีขึ้นและการปรับส่วนลดค่าเช่าให้เป็นปกติใน 1H66 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 2.5-2.8 หมื่นล้านบาท (เทียบกับ 1.8 หมื่นล้านบาทในปี 2565): 75% สำหรับประเทศไทย 23% สำหรับเวียดนาม และ 2% สำหรับอิตาลี และ 40% สำหรับกลุ่มแฟชั่น 30% สำหรับกลุ่มฮาร์ดไลน์ และ 30% สำหรับกลุ่มฟู้ด
CRC วางแผนเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในปี 2566 ดังนี้
- ควบคุมต้นทุนผ่านการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพของบุคลากร การใช้จ่ายโฆษณาและส่งเสริมการขาย และดำเนินมาตรการประหยัดพลังงานเพิ่ม
- จัดสรรงบลงทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยโครงการลงทุนใหม่จะใช้แหล่งเงินทุนที่แรกจากกระแสเงินสดภายในกิจการ เน้นขยายสาขา Proven Format และใช้ประโยชน์จาก Synergy ของกลุ่ม CRC เพื่อลดต้นทุนการก่อสร้าง (เช่น ใช้ผลิตภัณฑ์จากไทวัสดุมากขึ้น)
- บริหารจัดการกระแสเงินสดให้ดีขึ้น โดยมุ่งเน้นการบริหารเงินทุนหมุนเวียนและสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
CRC อัตรากำไรขั้นต้นจากการค้าปลีกขยายตัวอย่างน้อย 50bpsYoY หลักๆ เกิดจากยอดขายผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้นและการปรับส่วนลดโดยเริ่มจากกลุ่มแฟชั่น ทั้งนี้ เมื่อแยกตามกลุ่มธุรกิจ CRC ตั้งเป้ามาร์จิ้นของกลุ่มแฟชั่นเพิ่มขึ้น 30-50bps กลุ่มฮาร์ดไลน์เพิ่มขึ้น 30-50bps และกลุ่มฟู้ดเพิ่มขึ้น 10-20bps
บริษัทตั้งเป้าอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A / ยอดขาย ในปี 2566 ต่ำกว่า 28% (ไม่เปลี่ยนแปลง YoY) สะท้อนถึงต้นทุนค่าสาธารณูปโภคระดับสูงในปี 2566 โดยมีแนวโน้ม Upside ในกรณีที่ต้นทุนค่าสาธารณูปโภคลดลงใน 2H66 ด้วยยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น CRC จึงตั้งเป้า EBITDA เติบโต 18-20%
สำหรับในระยะ 5 ปีข้างหน้า (ปี 2566-2570) CRC ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 2.5 เท่า และ EBITDA เติบโต 3.5 เท่า โดยตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1.5 แสนล้านบาท บริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนร้านค้าและพื้นที่เป็น 2 เท่า และเพิ่มสัดส่วนยอดขายผ่านช่องทาง Omni-Channel ต่อยอดขายรวมสู่ระดับที่สูงกว่า 20% (เทียบกับ 18% ในปี 2565)
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น CRC ปรับลดลง 3.78%MoM อยู่ที่ระดับ 44.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.49%MoM สู่ระดับ 1,682.11 จุด
แนวโน้มผลประกอบการ:
ในเดือนมกราคม 2566 ยอดขายสาขา (SSS) เติบโตในระดับ Low Teen YoY เร่งตัวขึ้นจากที่เติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับสูง YoY ใน 4Q65 ทั้งนี้ เมื่อแยกตามประเทศ SSS ในประเทศไทยเติบโต 12.5% อิตาลีเติบโต 20% แต่เวียดนามลดลง 2.5% (จากผลกระทบของปฏิทินสำหรับเทศกาลตรุษจีน)
เมื่อแยกตามกลุ่มธุรกิจ SSS ของกลุ่มแฟชั่นเติบโตสูงกว่า 20%YoY กลุ่มฟู้ดเติบโต 3-4%YoY แต่กลุ่มฮาร์ดไลน์ลดลง 5%YoY (ฐานสูงของยอดขายจาก Power Buy และ Nguyen Kim หลังเลิกมาตรการล็อกดาวน์) CRC ประเมินยอดขายเติบโต 2-3% จากแรงหนุนมาตรการช้อปดีมีคืนในประเทศไทย
อย่างไรก็ดี InnovestX Research คาดว่ากำไรปี 2566 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 25% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มพาณิชย์ที่ 21% โดยคงเรตติ้ง Outperform สำหรับ CRC ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 50 บาทต่อหุ้น
ส่วนกำไร 4Q65 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายปลีก (SSS เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับสูง YoY) และรายได้จากการให้เช่าที่ฟื้นตัว มาร์จิ้นที่กว้างขึ้น และเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ซึ่งจะประกาศผลประกอบการวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- 9 หุ้นสุดฮอต ค่า P/E Ratio สูงทะลุ 500 เท่า
- เช็ก! 10 หุ้น SETHD จ่ายเงินปันผลสูง