“แนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังอยู่ในช่วงชะลอตัว และเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยท้าทายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่ถึงอย่างไรนั้น บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจตามแผนภายใต้กลยุทธ์ New Heights, Next Growth” ปเนต มหรรฆานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าว
ในตลอด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 194,440 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิหลังรายการปรับปรุงอยู่ที่ 5,112 ล้านบาท ลดลง 13%
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3 มีรายได้รวม 62,516 ล้านบาท ลดลง 0.9% และมีกำไรสุทธิหลังรายการปรับปรุง 1,299 ล้านบาท ลดลง 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ความเคลื่อนไหวในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าขยายการเติบโตในตลาดเวียดนาม ด้วยการเปิดศูนย์การค้า GO! เพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ ฮึงเอียน (Hung Yen) และเอียนบาย (Yen Bai) โดยมียอดเช่าพื้นที่เกินกว่า 90% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งสอดคล้องกับเศรษฐกิจเวียดนามที่เติบโตโดดเด่น 8.23% ในไตรมาสดังกล่าว
ในช่วงเวลาเดียวกัน ตลาดในประเทศไทย บริษัทเดินหน้าขยายเครือข่ายธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ท็อปส์, โก โฮลเซลล์, และ ออโต้วัน รวมถึงการเสริมพอร์ตแบรนด์ไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ เช่น Aveda แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับพรีเมียมจากต่างประเทศ ที่บริษัทในเครือ CMG ได้สิทธิ์เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมและแคมเปญการตลาดอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2568 ในพอร์ตธุรกิจ เริ่มตั้งแต่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและโรบินสัน จะมีสาขารวม 76 สาขา, ท็อปส์มีมากกว่า 700 สาขา, ไทวัสดุ 88 สาขา, ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ 28 สาขา, ศูนย์การค้า GO! 44 สาขา และซูเปอร์มาร์เก็ตเก็ต go! อีก 16 สาขาในเวียดนาม
พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนปรับปรุงห้างและศูนย์การค้าให้ทันสมัยมากขึ้น ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาปิ่นเกล้า และแจ้งวัฒนะ รวมถึงศูนย์การค้า GO! สาขาทังลอง (Thang Long) และดงนาย (Dong Nai) ในเวียดนาม ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี
ด้านธุรกิจใหม่ บริษัทเดินหน้าขยาย โก โฮลเซลล์ และ ออโต้วัน ต่อเนื่องในทำเลศักยภาพทั่วประเทศ โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีโก โฮลเซลล์ รวม 14 สาขา และออโต้วันมากกว่า 50 สาขา ขณะเดียวกัน ช่องทางออนไลน์ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยยอดขายผ่าน Central App ในช่วง 9 เดือนแรกของปีเพิ่มขึ้นถึง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปเนต ประเมินว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ภาพรวมเศรษฐกิจปลายปีมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการเที่ยวดีมีคืน และคนละครึ่งพลัส รวมถึงแคมเปญการตลาดของเซ็นทรัล รีเทล และแบรนด์ในเครือ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นทราฟฟิกในศูนย์การค้าและเพิ่มกำลังซื้อในช่วงไฮซีซัน
รวมถึงโครงสร้างอีโคซิสเต็มที่แข็งแกร่งของบริษัททั้งในประเทศไทยและเวียดนาม จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ซึ่งเชื่อมั่นว่าภายใต้กลยุทธ์ ‘New Heights, Next Growth’ และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยผลักดันให้เซ็นทรัล รีเทลเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว


