วันนี้ (10 กันยายน) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แถลงมาตรการหลังการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ โดยระบุว่า ในวันนี้ที่ประชุมยังคงพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด รวมถึงพื้นที่ควบคุมสูงสุด 37 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 11 จังหวัดยังคงไว้เช่นเดียว
นอกจากนี้ยังให้คงมาตรการเคอร์ฟิว, การ WFH และเพิ่มความเข้มข้นในการควบคุมตามมาตรการ COVID Free Setting ขณะที่มาตรการควบคุมสถานที่เสี่ยงต่างๆ ยังคงเหมือนเดิม
สำหรับข้อสรุปการฉีดวัคซีนโควิด ที่ประชุมได้วางแผนการกระจายวัคซีนในเดือนตุลาคมที่คาดว่าจะมีวัคซีนเข้ามา 24 ล้านโดส โดยแบ่งการฉีดตามกลุ่มเป้าหมายดังนี้
- ประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ มีสูตรการฉีดวัคซีน 3 สูตร คือ
- Sinovac-AstraZeneca
- AstraZeneca-AstraZeneca
- AstraZeneca-Pfizer
โดยจะใช้จำนวนวัคซีน 16.8 ล้านโดส คิดเป็น 70% ของวัคซีนที่หาได้ในเดือนตุลาคม
- นักเรียนที่มีอายุ 12-17 ปี จะฉีดวัคซีน Pfizer-Pfizer ใช้วัคซีน 4.8 ล้านโดส คิดเป็น 20% ของวัคซีนในเดือนตุลาคม
- แรงงานในระบบประกันสังคม จะฉีดวัคซีน Sinovac-AstraZeneca ใช้วัคซีน 0.8 ล้านโดส คิดเป็น 3% ของวัคซีนในเดือนตุลาคม
- หน่วยงานอื่นๆ เช่น องค์กรภาครัฐ ราชทัณฑ์ จะฉีดวัคซีน Sinovac-AstraZeneca ใช้วัคซีน 1.1 ล้านโดส คิดเป็น 5% ของวัคซีนในเดือนตุลาคม
- ผู้ได้รับวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็ม และต้องการเข็มกระตุ้น จะฉีดวัคซีน AstraZeneca เป็นเข็มที่ 3 ใช้วัคซีน 0.5 ล้านโดส คิดเป็น 2% ของวัคซีนในเดือนตุลาคม
อย่างไรก็ตาม สำหรับการฉีดวัคซีนสำหรับเด็ก ซึ่งมีรายงานอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลังการฉีดวัคซีน ทาง ศบค. จะสื่อสารชี้แจงให้ผู้ฉีดวัคซีนรวมถึงผู้ปกครองได้ทราบถึงความเสี่ยง และต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อนฉีดเสมอ ย้ำว่าแนวทางนี้จะต้องเป็นการสมัครใจ และไม่มีการบังคับใดๆ ทั้งสิ้น
สำหรับกลุ่มเป้าหมายในการฉีดวัคซีน Pfizer สำหรับผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ประกอบไปด้วยนักเรียนนักศึกษา ม.1-6 หรือ ปวช., ปวส. หรือเทียบเท่า โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้
- ระยะแรก จัดสรรสำหรับ ม.4-6 หรือ ปวช., ปวส. หรือเทียบเท่า
- ระยะถัดไป จัดสรรสำหรับระดับชั้นอื่นๆ ที่เหลือ