เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) รายงานกำไรสุทธิ 3Q65 อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท ฟื้นตัวจากขาดทุนสุทธิ 2.2 พันล้านบาทใน 3Q64 แต่ลดลง 21%QoQ เป็นไปตามคาด หากตัดขาดทุนพิเศษจำนวน 118 ล้านบาท (ส่วนใหญ่เป็นขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน) ออกไป พบว่า กำไรปกติ 1.3 พันล้านบาท ฟื้นตัวจากขาดทุนปกติ 2.1 พันล้านบาทใน 3Q64 โดยเกิดจากยอดขายปลีก รายได้จากการให้เช่าที่ดีขึ้น และมาร์จิ้นที่กว้างขึ้น แต่ลดลง 30%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
รายการสำคัญในผลประกอบการ 3Q65 ดังนี้
- ยอดขายปลีก เพิ่มขึ้น 38%YoY โดยเกิดจาก SSS ที่เติบโต พื้นที่ขายสุทธิ (NSA) ที่เพิ่มขึ้น 2%YoY จากสาขาใหม่และการปรับปรุงสาขา และยอดขายผ่าน Omnichannel ที่เพิ่มขึ้น (+11%YoY ซึ่งยอดขายผ่าน Omnichannel คิดเป็นสัดส่วน 18% ของยอดขายรวมใน 3Q65)
ยอดขายสาขา (SSS) (ค่าเฉลี่ยอย่างง่ายจำแนกตามประเภทธุรกิจ) เติบโต 44%YoY จากฐานต่ำใน 3Q64 ที่มีสาเหตุมาจากการปิดร้านค้าสืบเนื่องมาจากการล็อกดาวน์ในประเทศไทยและเวียดนาม กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเนื่องจากผลกระทบของโควิดลดน้อยลง และมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นเมื่อจำแนกตามประเทศ SSS เติบโต 36%YoY ในประเทศไทย 65%YoY ในเวียดนาม และ 49%YoY ในอิตาลี เมื่อจำแนกตามกลุ่มธุรกิจ SSS เติบโต 84%YoY ในธุรกิจแฟชั่น (26% ของยอดขาย) 22%YoY ในธุรกิจฟู้ด (39% ของยอดขาย) และ 27%YoY ในธุรกิจฮาร์ดไลน์ (35% ของยอดขาย)
- รายได้จากการให้เช่าและบริการ เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 99%YoY อันเป็นผลมาจากพื้นที่ให้เช่าสุทธิ (NLA) ที่เพิ่มขึ้น 12%YoY จากศูนย์การค้าใหม่ และการให้ส่วนลดค่าเช่าลดลง YoY สู่เลขหลักเดียวระดับกลางถึงสูง YoY จากอัตราค่าเช่าตามสัญญา ซึ่งช่วยชดเชยอัตราการเช่าพื้นที่ในระดับทรงตัวที่ 86.2% ใน 9M65 (เทียบกับ 86.5% ใน 9M64)
- อัตรากำไรขั้นต้น เพิ่มขึ้น 360bps YoY สู่ 27.6% อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจค้าปลีกเพิ่มขึ้น 270bps YoY สู่ 25.8% จากการมีสัดส่วนการขายที่ดีขึ้น โดยยอดขายสินค้าที่ให้มาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจแฟชั่นและธุรกิจฟู้ด และการให้ส่วนลดการค้าลดลงในธุรกิจแฟชั่นในประเทศไทย สามารถชดเชยมาร์จิ้นที่ลดลงเล็กน้อยจากการลดลงของมาร์จิ้นสินค้ากลุ่มเหล็กในธุรกิจฮาร์ดไลน์ อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจให้เช่าและบริการเพิ่มขึ้นสู่ 74% (เทียบกับ 58% ใน 3Q64) เพราะรายได้สูงขึ้น
- ค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย ลดลง 550bps YoY สู่ 29.9% เนื่องจากค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 18%YoY) จากการมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขยายสาขาและการตลาดมากขึ้น ในอัตราที่ต่ำกว่ายอดขายรวม (เพิ่มขึ้น 40%YoY)
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (15 พฤศจิกายน) ราคาหุ้น CRC ปรับลดลง 0.60%DoD อยู่ที่ระดับ 41.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.37%DoD สู่ระดับ 1,629.38 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565:
ใน 4Q65TD คาดว่า SSS เติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับสูง YoY โดยเพิ่มขึ้นทุกประเทศ (เพิ่มขึ้น 5%YoY ในประเทศไทย, 15%YoY ในเวียดนาม และ 20%YoY ในอิตาลี) ทั้งๆ ที่ฐานของปีก่อนสูงหลังจากกลับมาเปิดให้บริการสาขาในเวียดนาม ฝนตกหนัก และน้ำท่วมในช่วงต้น 4Q65 และยอดขายธุรกิจฮาร์ดไลน์ชะลอตัว และการคาดการณ์ว่าจะมีมาตรการช้อปดีมีคืนในช่วงปลาย 4Q65 ในประเทศไทย
ซึ่งเมื่อจำแนกตามกลุ่มธุรกิจ SSS เติบโตสูงกว่า 15%YoY ในธุรกิจแฟชั่นและธุรกิจฟู้ด แต่ลดลงราว 5%YoY ในธุรกิจฮาร์ดไลน์
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน InnovestX Research ให้เรทติ้ง Outperform สำหรับ CRC ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 46 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่ากำไรปกติ 4Q65 จะเติบโต YoY โดยเกิดจากยอดขายปลีก รายได้จากการให้เช่า และมาร์จิ้นที่ดีขึ้น และ QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่กำไรสุทธิปี 2565 จะเติบโตเด่นที่ 6.30 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิเพียง 59 ล้านบาทในปี 2564
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือการเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คัด 10 หุ้นราคาต่ำ 10 บาท P/E ต่ำ ปันผลสูง ราคา YTD ยังบวก
- ทองคำ กำลังไหลเข้าเอเชีย ท่ามกลางดอกเบี้ยโลกที่กำลังขึ้นต่อเนื่อง
- เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อย ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 16 ปี