ต้นเดือนพฤษภาคมวนมาที่ไรคนที่ติดตามวงการแฟชั่นและป๊อปคัลเจอร์ก็จะตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะรู้ว่างาน Met Gala ประจำปีกำลังจะมา ซึ่งงานในปีนี้ก็จะจัดขึ้นอีกไม่กี่ชั่วโมงช่วงเช้าวันอังคารที่ 3 พฤษภาคม ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งหลายคนก็จะลุ้นกันว่าแม่ค้าและอดีตนักร้องอย่าง Rihanna จะใส่อะไรมาฟาด, Katy Perry จะมาเป็นโคมไฟ Chandelier หรือแฮมเบอร์เกอร์, สาวๆ ตระกูล Kardashian จะมีกลยุทธ์อะไรที่กินซีนแขกคนอื่นๆ และ BLACKPINK จะมากันครบวงไหม หลัง Rosé เคยไปงานนี้มาแล้วเมื่อปี 2021 และสร้างอีกหนึ่งปรากฏการณ์ก็ว่าได้
แต่นอกเหนือจากแฟชั่นสุดปัง (หรือที่จริงก็พังอยู่หลายคน) หลายคนอาจสงสัยว่าจริงๆ แล้ว Met Gala คืองานอะไร และทำไมคนดูคลั่งไคล้ THE STANDARD POP จะมา Cracked ให้รู้กัน
Met Gala คืองานอะไร?
Met Gala จัดงานครั้งแรกในปี 1948 โดย เอเลนอร์ แลมเบิร์ต สาวสังคมและแกนนำคนสำคัญของวงการแฟชั่นในสหรัฐอเมริกา เพื่อหาทุนทรัพย์ช่วยเหลือด้านหน่วยงานและบูรณาการสถาบันเครื่องแต่งกาย The Costume Institute ที่เป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ The Metropolitan Museum of Art ในมหานครนิวยอร์ก
โดยตั้งแต่ปี 2005 งาน Met Gala จะจัดในวันจันทร์แรกของเดือนพฤษภาคม เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดนิทรรศการใหม่ของช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก่อนที่สาธารณชนจะได้เข้าชมนิทรรศการแต่ละปีจะมีธีมที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งทุกวันนี้คนที่มาดูแลส่วนนี้คือ แอนดรูว์ โบลตัน แฟนของดีไซเนอร์ ทอม บราวน์
ในยุคแรก งาน Met Gala จัดอย่างเรียบง่ายเป็นแค่ดินเนอร์และงานเต้นรำสำหรับคนสังคมชั้นสูงที่ราคาตั๋วแค่ 800 ดอลลาร์ หรือราว 25,000 บาทต่อคน แต่พอมาในปี 1972 ไดอานา วรีแลนด์ บรรณาธิการบริหารนิตยสารแฟชั่นระดับตำนาน ลาออกจากนิตยสาร Vogue อเมริกา ทำให้ทางสถาบันเชิญเธอมาเป็นที่ปรึกษาและประธานงาน ซึ่งไดอานาก็ถือว่าปฏิวัติรูปแบบงานให้ฟู่ฟ่า เป็นที่พูดถึง และเหล่าดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าต่างก็ต้องตบเท้ามาตลอด
แล้วทำไม แอนนา วินทัวร์ ถึงได้มาเป็นเจ้าแม่งาน Met Gala?
หลังจาก ไดอานา วรีแลนด์ เสียชีวิตในปี 1989 สาวสังคม แพท บัคลีย์ ก็ได้มารับหน้าที่ประธานงาน Met Gala ก่อนที่ แอนนา วินทัวร์ Global Editorial Director ของ Vogue จะได้มารับหน้าที่ต่อในปี 1995 จนถึงทุกวันนี้ โดยตั้งแต่ แอนนา วินทัวร์ มารับหน้าที่เป็นประธานงาน Met Gala เธอก็ได้ช่วยยกระดับให้งานนี้เป็นหนึ่งในอีเวนต์ที่ใหญ่สุดแห่งปีและถูกเรียกว่าเป็น ‘The Superbowl of Fashion’ หรือ ‘The Oscars of Fashion’
ซึ่งในปี 2017 ทาง Forbes ก็รายงานว่า ตั้งแต่ แอนนา วินทัวร์ มาเป็นประธาน เธอก็สามารถช่วยเรี่ยรายเงินได้กว่า 175 ล้านดอลลาร์ หรือราว 5,920 ล้านบาท! โดยเพราะความสำเร็จในครั้งนี้ของ แอนนา วินทัว เมื่อปี 2015 ทางสถาบัน The Costume Institute ของ MET ก็ได้ตั้งชื่อสถานที่จัดแสดงนิทรรศการเป็น ‘Anna Wintour Costume Center’ ที่ มิเชล โอบามา สตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในตอนนั้นเป็นคนมาเปิดงานให้
และต้องมีการเสียเงินเท่าไรหากอยากไป Met Gala?
เพราะ Met Gala เป็นการเรี่ยรายเงินสมทบทุน The Costume Institute การจะมาปรากฏตัวที่งานนี้ก็ไม่ได้มาฟรีๆ โดยจากการรายงานของ The New York Times ทุกวันนี้ตั๋วสำหรับหนึ่งคนอยู่ที่ 35,000 ดอลลาร์ต่อคน หรือราว 1,183,000 บาท!
หรือถ้าแบรนด์หรือบริษัทอยากซื้อทั้งโต๊ะก็ได้ อยู่ที่ราคาประมาณ 300,000 ดอลลาร์ หรือราว10 ล้านบาท! ซึ่งแบรนด์กระเป๋าหนักอย่าง Gucci หรือ Saint Laurent ก็มักซื้อ เพราะสามารถเชิญดาราและมิวส์ต่างๆ ที่ใส่ชุดของแบรนด์มาเต็มโต๊ะ บวกกับสร้างอิมแพ็กด้านโซเชียลพอถ่ายรูปตรงพรมแดงเรียงกันพร้อมกับดีไซเนอร์
หรืออย่างเช่นเมื่อปี 2021 ตอนที่ YouTube ได้บุกคอนเทนต์แฟชั่นมากขึ้น ทางแพลตฟอร์มก็ได้ซื้อหนึ่งโต๊ะและให้ เดเร็ก บลาสเบิร์ก หัวหน้าฝ่ายแฟชั่นและบิวตี้เป็นคนคัดสรรเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์และบล็อกเกอร์ที่จะมาร่วมโต๊ะ
แต่ทั้งหมดทั้งมวล แอนนา วินทัวร์ จะต้องเป็นคน Approve เองหมด ไม่ว่าคุณจะจ่ายกี่แสนกี่ล้าน เพราะแอนนารู้ว่าเธอควรเชิญใครมางาน ตัดใครออก จับดีไซเนอร์มากับดาราคนไหน จัดโต๊ะที่นั่งยังไง และลงรายละเอียดดีเทลเรื่องการจัดงาน เช่น เรื่องดอกไม้ที่นำมาตกแต่งหรือแม้แต่เมนูอาหารที่จะมีการเสิร์ฟ
ทำไมคนยุคนี้สนใจพรมแดง Met Gala มากกว่างาน Oscars อีก?
ปัจจัยแรกคือแขกที่มาร่วมงานมีความหลากหลายและ International มากกว่างาน Oscars ที่เน้นแค่คนทำหนังและนักแสดงเข้าชิง ซึ่งรู้สึกจืดและจำเจ โดยที่ Met Gala ทาง แอนนา วินทัวร์ จะเลือกแขก ทั้งดีไซเนอร์ ซูเปอร์โมเดล นักแสดง ศิลปิน หรือแม้แต่นักกีฬา นักการเมือง นักเคลื่อนไหวทางสังคม ไฮไซ หรือนักธุรกิจทั่วโลกมารวมกันค่ำคืนหนึ่ง
แถมในช่วงหลัง ทาง แอนนา วินทัวร์ ก็เลือกที่จะเชิญเหล่าเซเลบอินฟลูเอ็นเซอร์อย่างตระกูล Kardashian นางแบบแห่งยุคอย่าง Bella และ Gigi Hadid หรือศิลปิน K-Pop อย่าง Rosé BLACKPINK มาด้วย ซึ่งบุคคลเหล่านี้ก็ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกออนไลน์ และสร้าง Awarness มหาศาลให้กับ Met Gala
เหตุผลที่สอง เพราะ แอนนา วินทัวร์ เป็นแม่งาน Met Gala เธอก็ได้ใช้ทีมงานของเธอที่ Vogue และ Conde Nast ผลิตคอนเทนต์มากมายทั้งก่อนเริ่มงาน ระหว่างงาน และหลังงานที่สามารถเลี้ยงกระแสของงานได้หลายวัน ต่างจาก Oscars ที่วันเดียวจบ โดย Vogue ก็จะมีการผลิตวิดีโอซีรีส์ Get Ready With ออกมาหลายตอนที่พาไปซอกแซกการเตรียมตัวของดาราที่ไป Met Gala ซึ่งมีแต่ตัวแม่และทำยอดวิวเป็นหลายล้านภายในไม่กี่ชั่วโมง
บวกกับยังมีคอนเทนต์ที่ให้นางแบบอย่าง Kendall Jenner หรือนักร้อง Frank Ocean ถ่ายภาพเองที่งาน ซึ่งจะช่วยสร้างความสนใจพอปล่อยออกมาและมีการแชร์เป็นคอนเทนต์ในเวลาต่อมา ซึ่งยอดมูลค่าทางสื่อหรือ Media Impression ของงาน Met Gala ปี 2021 อยู่ที่ 15 พันล้านบาท!
ประเด็นสุดท้ายคือแฟชั่นที่งาน Met Gala มีความเวอร์วัง สนุกจัดจ้าน และคาดไม่ถึง ซึ่งต่างจากงานอย่าง Oscars ที่คนมางานต่าง Play Safe กันหมด และอยากแค่ดูหล่อสวยแบบคลาสสิก ซึ่งในตอนนี้เราได้ก้าวสู่ยุคที่เราเฉลิมฉลองความเป็นตัวของตัวเอง ความ Gender Fluid และกล้าที่จะออกนอกกรอบแบบเต็มสตรีม ซึ่ง Met Gala ก็จะสะท้อนสิ่งนี้ได้อย่างชัดเจน
ภาพ: Getty Images
