ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นขนาดเล็กที่ก่อนหน้านี้มีสภาพคล่องต่ำยังคงอยู่ในกระแสของการเก็งกำไรอย่างร้อนแรง โดยเฉพาะหุ้นอย่าง บมจ.คาสเซ่อร์พีค โฮลดิ้งส์ (CPH), บมจ.ซีพีแอล กรุ๊ป (CPL) และ บมจ.ซีพีอาร์ โกมุ อินดัสเตรียล (CPR) ซึ่งปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง โดย CPH เพิ่มขึ้นกว่า 200%, CPL เพิ่มขึ้น 100% ขณะที่ CPR เพิ่มขึ้นกว่า 80%
การพุ่งขึ้นของราคาหุ้น CPH ที่ร้อนแรงตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดกระแสการเก็งกำไรในหุ้นที่มีลักษณะคล้ายกัน คือ สภาพคล่องต่ำ, Bid Offer บาง, ราคานิ่งอยู่เป็นเวลานาน และไตรมาส 1 ที่ผ่านมายังมีกำไรสุทธิเป็นบวก
นอกจากหุ้นทั้ง 3 ตัวข้างต้น ยังมีหุ้นในลักษณะนี้อีกหลายตัวที่ถูกหยิบขึ้นมาเล่นเก็งกำไรจนราคาหุ้นพุ่งขึ้นแรงภายในระยะเวลาอันสั้น เช่น VARO, ABICO, MOONG, AFC, NFC, TCJ เป็นต้น
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ มองว่า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่สภาพคล่องหายไปจากตลาด สังเกตได้จากปริมาณการซื้อขายต่อวันที่ลดลงมาอยู่ที่เฉลี่ย 6 หมื่นล้านบาท ในสภาวะเช่นนี้ทำให้การเก็งกำไรในหุ้นขนาดใหญ่จะลำบากมากขึ้น และส่งผลให้นักลงทุนหันมาเก็งกำไรในหุ้นที่น่าจะแกว่งตัวได้ง่ายแทน โดยเฉพาะหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำ
“หุ้นที่จะหุ้นได้โดยง่ายจะเป็นหุ้นที่ Bid Offer ค่อนข้างบาง แต่ละช่องมีปริมาณหุ้นน้อย ซึ่งก็ง่ายต่อการควบคุมราคา แต่การเก็งกำไรในหุ้นบางตัวอาจจะเป็นแค่ระยะสั้นมาก ซึ่งอาจจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามธีมในแต่ละวัน”
อย่างเช่นเมื่อวานนี้ (7 มิถุนายน) ตลาดเก็งกำไรในหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับโซลาร์ แต่วันนี้ราคาหุ้นเหล่านี้ก็ปรับลงแรง และหันมาเก็งกำไรหุ้นในธีมกัญชงแทน เพราะฉะนั้นนักลงทุนที่จะเข้าร่วมเก็งกำไรก็ต้องมองเป็นภาพระยะสั้นเช่นกัน และต้องจำกัดความเสี่ยงอย่างมาก
“สภาวะตอนนี้หุ้นไทยเข้าสู่โหมดอึดอัดอย่างแท้จริง เพราะทั้งสถาบันและต่างชาติต่าง Wait and See เป็นส่วนใหญ่ การเข้าซื้อช่วงนี้เป็นลักษณะของการเล่นรอบเท่านั้น ทำให้นักลงทุนระยะกลางอาจจะหาผลตอบแทนได้ค่อนข้างยาก”
นอกจากนี้ภาวะเก็งกำไรที่เกิดขึ้นส่งผลให้วันนี้มีหุ้นถึง 7 ตัว ที่พุ่งขึ้นไปชนเพดานการซื้อขาย (Ceiling) ของวัน ได้แก่ CPR, L&E, AFC, NC, NFC, VARO และ BTNC
ขณะที่ เบญจพล สุทธิ์วนิช รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า โดยปกติแล้วช่วงเวลาของการเก็งกำไรในหุ้นเล็กอาจจะไปได้ถึง 2-3 เดือน หรือบางครั้งอาจจะแค่ไม่กี่สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์แต่ละช่วง แต่อย่างหนึ่งที่ชัดเจนคือ หากภาพใหญ่ของตลาดเริ่มเสี่ยงมากขึ้น และหุ้นใหญ่ถูกเล่นขึ้นมาก่อนหน้านี้ ในสถานการณ์เช่นนี้การเก็งกำไรในหุ้นเล็กมักจะอยู่แค่ประมาณ 1-2 สัปดาห์
ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP