เกิดอะไรขึ้น:
ราคาหุ้น CPF ปรับตัว Outperform ตลาด 7% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากราคาสัตว์บกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อไม่นานนี้สู่ระดับที่สูงกว่าจุดคุ้มทุนในประเทศหลักๆ InnovestX Research คาดว่าราคาหุ้นจะปรับตัวดีขึ้นจาก:
ปัจจัยกระตุ้น 1: กำไรปกติ 2Q67 จะทำจุดสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยคาดการณ์ที่ 5.8 พันล้านบาท ฟื้นตัวจากขาดทุนสุทธิ 792 ล้านบาทใน 2Q66 และเพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 1.2 พันล้านบาทใน 1Q67 หากตัดกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ชีวภาพที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจำนวน 1.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากราคาสุกรที่สูงขึ้นในประเทศเวียดนามและไทยออกไป กำไรปกติ 2Q67 จะอยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท ฟื้นตัวจากขาดทุนปกติ 2.6 พันล้านบาทใน 2Q66 และเพิ่มขึ้นจากกำไรปกติ 532 ล้านบาทใน 1Q67
กำไรที่ปรับตัวดีขึ้นจะได้รับการสนับสนุนจาก: 1. อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากราคาสุกรที่สูงขึ้นในเวียดนามและไทย และราคาไก่เนื้อที่ดีขึ้นในไทย 2. ส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้นจากธุรกิจในต่างประเทศ ทั้งจาก CTI และ HyLife สุดท้ายส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นจากการดำเนินงานในประเทศอื่นๆ จากราคาสัตว์บกที่ดีขึ้นในรัสเซีย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และอินเดีย
ปัจจัยกระตุ้น 2: กำไรปกติจะเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 3Q67 โดยคาดว่าจะเติบโต QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และฟื้นตัวจากขาดทุนใน 3Q66 จากธุรกิจสัตว์บกที่ปรับตัวดีขึ้นในประเทศหลักๆ (ไทย เวียดนาม และจีน) และการขายธุรกิจที่สร้างผลขาดทุนออกไปบางส่วน (ฟาร์มไก่และฟาร์มสุกรบางแห่งของ CPP HK และ CTI ใน 4Q66, HyLife ใน 3Q66)
สำหรับการดำเนินงานในไทยใน 3Q67TD พบว่าราคาสุกรในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ 70 บาทต่อกิโลกรัม (เพิ่มขึ้น 3%YoY และ 1%QoQ) เทียบกับจุดคุ้มทุนที่ระดับกำไรขั้นต้นสำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ 63-68 บาทต่อกิโลกรัม จากการบริหารจัดการอุปทานในตลาดที่ดีขึ้น ราคาไก่เนื้อในประเทศอยู่ที่ 44 บาทต่อกิโลกรัม (เพิ่มขึ้น 9%YoY, ทรงตัว QoQ เทียบกับจุดคุ้มทุนที่ 38-40 บาทต่อกิโลกรัม) จากความต้องการส่งออกที่ดีขึ้น
การดำเนินงานต่างประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยใน 3Q67TD ราคาสุกรในเวียดนามและจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ 67,000 ดองต่อกิโลกรัม (เพิ่มขึ้น 23%YoY และ 6%QoQ เทียบกับจุดคุ้มทุนที่ 45,000 ดองต่อกิโลกรัม) และ 18 หยวนต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 13%YoY และ QoQ เทียบกับจุดคุ้มทุนที่ 16.5 หยวนต่อกิโลกรัม) เนื่องจากอุปทานได้รับความเสียหายจากการกลับมาระบาดของโรค ASF ในเวียดนามเมื่อช่วงปลายปี 2566 และการปรับอุปทานหลังจากเกิดผลขาดทุนในจีนเป็นเวลาหลายปี
ปัจจัยกระตุ้น 3: การปรับประมาณการเพิ่มขึ้น โดยปรับประมาณการกำไรปกติปี 2567 ของ CPF เพิ่มขึ้นจาก 6 พันล้านบาท สู่ 1.1 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อน:
- อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจากราคาสัตว์บกที่ดีขึ้นในไทยและเวียดนาม
- ส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้น สะท้อนกำไรที่ดีขึ้นจาก CTI ตามราคาสุกรที่ดีขึ้นในจีน ประมาณการกำไรปกติปี 2567 ดังกล่าวสูงกว่าประมาณการของตลาดที่ 7 พันล้านบาทค่อนข้างมาก และคาดว่าตลาดจะปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นตามมา เพื่อสะท้อนผลประกอบการ YTD ที่แข็งแกร่ง และราคาสัตว์บกที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบันสำหรับประเทศหลักๆ
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น CPF ปรับขึ้น 5.36% สู่ระดับ 23.60 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 1.24% สู่ระดับ 1,311.99 จุด
กลยุทธ์และคำแนะนำการลงทุน:
InnovestX Research ยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ CPF โดยปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี SOTP ใหม่เป็น 28 บาทต่อหุ้น (จาก 26 บาท) ซึ่งประกอบด้วย 2 บาท สำหรับธุรกิจของ CPF (P/E 14 เท่าสำหรับธุรกิจอาหารสัตว์ P/E 12 เท่าสำหรับธุรกิจฟาร์ม และ P/E 16 เท่าสำหรับธุรกิจอาหาร) และ 26 บาท สำหรับการถือหุ้นใน CPALL และ CPAXT
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ อุปสงค์และราคาที่ลดลงจากเศรษฐกิจที่เปราะบางและอุปทานที่มากขึ้น และต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น ปัจจัยเสี่ยง ESG ที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการพลังงาน ของเสีย และน้ำ ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) นโยบายด้านสุขภาพและความปลอดภัยสำหรับลูกค้า/พนักงาน (S)