Ethisphere ประกาศผลการพิจารณา ‘บริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลก ประจำปี 2567’ (The 2024 World’s Most Ethical Companies) โดยในปีนี้มีบริษัทชั้นนำจาก 20 ประเทศทั่วโลกที่ผ่านการคัดเลือกรวมทั้งสิ้น 136 บริษัท โดยบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด หรือเครือซีพี จากประเทศไทย ได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นบริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลก ประจำปี 2567 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4
โดยในปีนี้ถือเป็นการประเมินบริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลกครั้งที่ 18 นอกจากเครือซีพีแล้ว ยังมีบริษัทชั้นนำระดับโลกได้รับพิจารณาว่ามีจริยธรรมมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น PepsiCo จากสหรัฐอเมริกา, Sony จากญี่ปุ่น, Kellanova (Kellogg) จากสหรัฐอเมริกา, HERSHEY’S จากสหรัฐอเมริกา, L’Oréal จากฝรั่งเศส, IBM จากสหรัฐอเมริกา, Allianz Life จากสหรัฐอเมริกา, Kao Corporation จากญี่ปุ่น, Mastercard จากสหรัฐอเมริกา และ ManpowerGroup Inc. จากสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
ทั้งนี้ ข้อมูลของ Ethisphere ระบุว่า การดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมสร้างผลกระทบเชิงบวกและเสริมประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งถึง 12.3% ขณะที่ซีอีโอเครือซีพีเชื่อมั่นว่า คุณธรรมและความซื่อสัตย์นั้นสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
เอรีกา ซัลมอน เบิร์น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และประธานบริหารของสถาบัน Ethisphere เปิดเผยว่า ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจจะต้องได้รับและรักษาความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่พนักงาน นักลงทุน ไปจนถึงหน่วยงานกำกับดูแล และอื่นๆ ความซื่อสัตย์ทางธุรกิจ รวมทั้งการลงทุนภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มแข็ง ตลอดจนวัฒนธรรมที่มีจริยธรรม ความเป็นพลเมืองขององค์กร และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ องค์กรต่างๆ ไม่เพียงสร้างความไว้วางใจเท่านั้น แต่ยังมีประสิทธิภาพเหนือกว่าอีกด้วย
โดยในปี 2024 มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ได้รับรางวัลมีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งถึงอยู่ที่ 12.3% สะท้อนให้เห็นว่า ความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อพนักงาน ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในวงกว้าง ตลอดจนมีส่วนทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ด้าน ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า เครือซีพีเชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจต้องยึดหลักคุณธรรมและความซื่อสัตย์ ปัจจุบันเครือซีพีเติบโตเข้าสู่ปีที่ 103 มีการขยายธุรกิจหลากหลายรวม 14 กลุ่มธุรกิจใน 21 ประเทศและเขตเศรษฐกิจ มีพนักงานกว่า 4.5 แสนคนทั่วโลก ทุกกลุ่มธุรกิจจึงต้องสร้างศักยภาพขององค์กรในการมุ่งสู่ความเป็นเลิศด้วยการสร้างจริยธรรมและธรรมาภิบาลที่ดี เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติ
โดยผู้นำมีบทบาทสำคัญอย่างมากต้องเป็น ‘โค้ชที่ดี’ ในการปรับตัวและพัฒนากระบวนการด้านจริยธรรมและการกำกับดูแลกิจการที่ดีให้มีความโปร่งใส มีการนำระบบเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ รวมทั้งมีการวางระบบและติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสร้างความตระหนักรู้และวัฒนธรรมด้านจริยธรรมและธรรมาภิบาลที่ดีให้เกิดขึ้นทั่วทั้งองค์กร โดยเป้าหมายด้านการกำกับกิจการสู่ปี 2573 ทุกกลุ่มธุรกิจในเครือซีพีจะต้องเข้าร่วมการประเมินจากองค์กรชั้นนำระดับโลก เพื่อยกระดับงานด้านจริยธรรมและการกำกับดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
“การสร้างจริยธรรมและธรรมาภิบาลที่ดี คือรากฐานสำคัญในการนำองค์กรสู่ความเป็นเลิศและยั่งยืน ทุกกลุ่มธุรกิจต้องมีความเชื่อมโยงและมีเป้าหมายเดียวกัน ต้องเห็นคู่ค้าและลูกค้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ทำให้เครือฯ ได้รับการยอมรับ เราจะพัฒนาและยกระดับการกำกับดูแลกิจการให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อนำองค์กรสู่การเติบโตทางธุรกิจที่ยั่งยืน และมุ่งสร้างประโยชน์ประเทศอย่างไม่สิ้นสุด”
สำหรับ World’s Most Ethical Companies เป็นการพิจารณาประเมินคัดเลือกองค์กรที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมภายใต้ระบบ Ethics Quotient (EQ) ซึ่งได้เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2550 โดยสถาบัน Ethisphere เพื่อยกย่องบริษัทที่แสดงความเป็นผู้นำทางจริยธรรมในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ
ซึ่งองค์กรที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องผ่านการประเมินอย่างเข้มข้นด้วยการให้ข้อมูลผ่านคำถามมากกว่า 240 ข้อเกี่ยวกับการสร้างวัฒนธรรมด้านจริยธรรม แนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) รวมไปถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การเคารพความหลากหลายและไม่แบ่งแยก ตลอดจนมีการสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมที่แข็งแกร่ง โดยกระบวนการเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นกรอบการประเมินแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดขององค์กรในอุตสาหกรรมต่างๆ
ปัจจุบัน World’s Most Ethical Companies มีบริษัทชั้นนำจากทั่วโลกเป็นเครือข่ายสมาชิกมากกว่า 300 บริษัททั่วโลก และมีบริษัทชั้นนำที่ได้รับการประเมินและยกย่องนับตั้งแต่ก่อตั้ง World’s Most Ethical Companies มาแล้ว 18 ปี รวม 6 แห่ง ได้แก่ Aflac, Ecolab, International Paper, Kao Corporation, Milliken & Company และ PepsiCo ส่วนเครือซีพีติดอันดับต่อเนื่องมา 4 ปีนับตั้งแต่ปี 2564