เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ แสดงความเห็นระหว่างการให้สัมภาษณ์ในรายการ State of the Union ทางสถานีโทรทัศน์ CNN ระบุชัดว่า ตลาดงานของสหรัฐฯ จะสามารถฟื้นตัวกลับมาจ้างงานได้อย่างเต็มที่ภายในปี 2022 ถ้าหากมาตรการเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส
โดยรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ย้ำชัดว่า ไม่มีเหตุผลใดที่สหรัฐฯ จะต้องทนทุกข์ทรมานกับการใช้เวลาฟื้นตัวอย่างช้าๆ นับเป็นการแสดงจุดยืนของเยลเลนที่เดินหน้าสนับสนุนมาตรการของประธานาธิบดีไบเดนอย่างเต็มที่ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเยลเลนได้ขึ้นแถลงต่อคณะกรรมการด้านการเงินของวุฒิสภาสหรัฐฯ ว่า หากไม่อนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว จะทำให้สหรัฐฯ เผชิญกับการถดถอยที่นานกว่าและรุนแรงกว่า และเศรษฐกิจจะเสียหายในระยะยาว
ขณะเดียวกัน เยลเลนยังใช้โอกาสนี้โต้คำแย้งของอดีตที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของอดีตประธานาธิบดี บารัก โอบามา ที่ออกมาแสดงความกังวลว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไบเดนเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเงินเฟ้อ โดยเยลเลนระบุว่า ปัญหาเงินเฟ้อเป็นปัญหาที่เล็กมากเมื่อเทียบกับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นหากไม่มีมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูที่เหมาะสมทันเวลาในช่วงโควิด-19 ระบาด และสหรัฐฯ มีเครื่องมือในการจัดการกับความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้ออยู่แล้ว
ขณะที่ปัญหาคนว่างงานในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 เมื่อเกือบ 1 ปีที่แล้ว โดยเกือบ 40% ของแรงงานชาวอเมริกันตกงานมานานกว่า 6 เดือนแล้ว และเกือบ 9 ล้านคนทำงานน้อยลงกว่าเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ส่วนอัตราการว่างงานในเดือนมกราคมอยู่ที่ 6.3%
ทั้งนี้ เยลเลนกล่าวว่า อัตราการว่างงานที่เกิดจากการระบาดของโควิด-19 จะยังคงเพิ่มสูงขึ้นไปอีกหลายปีหากไม่มีนโยบายของรัฐบาลมาสนับสนุน ก่อนยกตัวอย่าง รายงานวิเคราะห์ของสำนักงานงบประมาณสภาคองเกรสที่พบว่า หากไม่มีมาตรการกระตุ้น สหรัฐฯ อาจต้องใช้เวลาถึงปี 2025 กว่าที่อัตราการว่างงานจะลดลงมาที่ระดับ 4%
ความเห็นของเยลเลน มีขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน กำลังเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านสภาคองเกรส โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา วุฒิสภาได้ออกเสียงเท่ากันที่ 50-50 หลังการอภิปรายนาน 15 ชั่วโมง ทำให้รองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส ต้องทำหน้าที่ชี้ขาดด้วยการออกเสียงให้ผ่านมติเพื่อส่งต่อให้สภาผู้แทนราษฎรเดินหน้าพิจารณามาตรการช่วยเหลือประชาชนฉบับใหม่ต่อไป โดย แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ตั้งเป้าว่า จะผ่านสภาล่างให้ได้ก่อนสิ้นเดือนนี้ ก่อนที่จะส่งให้วุฒิสภาพิจารณารับรองก่อนกลางเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่เงินชดเชยการว่างงานจากโควิด-19 ชุดเดิมจะหมดอายุลง
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: