วันนี้ (4 มิถุนายน) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยภายหลังการแถลงของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน โดยกล่าวถึงการส่งมอบวัคซีนและแผนการกระจายและการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน
นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายสำคัญของการฉีดวัคซีนคือ คนในแผ่นดินไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติที่สมัครใจจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนโดยไม่คิดมูลค่าภายในปี 2564 แต่ถ้าหากเป็นเป้าหมายสำหรับการสร้างภูมิคุ้มในระดับประเทศนั้น จะต้องฉีดให้ได้อย่างน้อย 50 ล้านคน หรือ 100 ล้านโดส
สำหรับเป้าหมายในการจัดหาวัคซีนในปี 2564 จะต้องจัดหาวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส และในปี 2565 มีเป้าหมายจัดให้ได้รวม 150 ล้านโดส นอกจากนี้ นพ.โอภาส ยังระบุว่า ข้อมูวิชาการที่มีอาจต้องเผื่อสำหรับการฉีดวัคซีนกระตุ้นอีกหนึ่งเข็ม หรือกรณีที่มีการกลายพันธุ์ อาจต้องหาวัคซีน Genration ใหม่ ก็มีการเตรียมแผนไว้อย่างน้อย 50 ล้านโดส
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ไม่ว่างบประมาณปี 2565 จะเป็นอย่างไร รัฐบาลมีแนวทางที่จะจัดหางบประมาณมาให้กระทรวงสาธารณสุขจัดหาอย่างแน่นอนนะครับ ไม่ว่าจะเป็นงบเงินกู้หรืองบกลางต่างๆ” นพ.โอภาส กล่าว
ขณะนี้มีการจัดหาวัคซีนตามแผน 100 ล้านโดส โดยแบ่งเป็น
– Sinovac 6 ล้านโดส
– AstraZeneca 61 ล้านโดส ส่งมอบแล้ว 2 ล้านโดส
โดยยังขาดวัคซีนอยู่ 33 ล้านโดส แต่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการลงนามในสัญญาจองวัคซีนกับบริษัท Pfizer ซึ่งคาดว่าจะมีการลงนามจองภายในสัปดาห์หน้า ส่วนวัคซีน Johnson & Johnson อยู่ในขั้นตอนการเตรียมทำสัญญาและจองวัคซีนเช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าการจองทั้ง 2 ยี่ห้อจะได้วัคซีนมาอีก 25 ล้านโดส และจะจัดซื้อ Sinovac อีกอย่างน้อย 8 ล้านโดส ก็จะครบ 100 ล้านโดส
ส่วนแผนการกระจายวัคซีนในเดือนมิถุนายนนี้ ก็จะพยายามกระจายให้ต่อเนื่องทุกสัปดาห์ โดยจะมีการทบทวนเป็นระยะๆ เช่น เดือนมิถุนายนจะมีการฉีดวัคซีนตามแผนหลัก ซึ่งได้ส่งกระจาย AstraZeneca จำนวน 2 ล้านโดสที่ได้รับการส่งมอบมาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และยังมี Sinovac อีก 1.5 ล้านโดส
“ขณะนี้เรามีวัคซีนอยู่ในมือที่เราจะฉีดตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นไป จำนวน 3,540,000 โดส ก็จะกระจายไปจังหวัดต่างๆ ส่วนสัปดาห์ถัดไปก็จะมีวัคซีนเข้ามาอย่างน้อยอีก 840,000 โดส และสัปดาห์ที่สี่อีก 2,580,000 โดส อันนี้เป็นตัวเลขที่มีการตกลงเบื้องต้น อาจเพิ่มลดตามกำลังผลิต ณ ตอนนั้น” นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ในเดือนมิถุนายนนี้ หากเราฉีดได้รวม 6 ล้านโดสตามแผน และมียอดสะสมในช่วงก่อนหน้านี้อีก 4 ล้านโดส ปลายเดือนมิถุนายนก็จะมียอดฉีดสะสม 10 ล้านโดส ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีที่จะสามารถควบคุมการระบาดได้
ทั้งนี้จะมีการกระจายวัคซีนจะแบ่งตามนโยบายดังนี้
– กระจายแต่ละยี่ห้อในแต่ละจังหวัดเฉลี่ยเป็นพื้นฐานตามประชากรในจังหวัดนั้นๆ รวมประชากรแฝงด้วย
– และพิจารณาตามสถานการณ์การระบาดในพื้นที่นั้นๆ เช่น กรุงเทพมหานคร, เพชรบุรี และปริมณฑล
– กลุ่มเป้าหมายที่มีการระบาด เช่น เรือนจำ
– จังหวัดที่เป็นกลุ่มเป้าหมายพิเศษ, จังหวัดท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต
– กลุ่มแรงงานที่มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ, ชายแดน
– กลุ่มแรงงานผู้ประกันตน โดยมอบหมายสำนักงานประกันสังคม จัดสรรวัคซีนจำนวน 1 ล้านโดสฉีดให้ผู้ประกันตัว
– ผู้ที่ขึ้นทะเบียนจองในระบบหมอพร้อม ซึ่งจะไม่มีการเลื่อน
สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก่อนหน้านี้มีการจัดสรรวัคซีนไปแล้ว 1 ล้านโดส และจะจัดสรรผ่านสำนักงานประกันสังคม ที่จะฉีดให้กับผู้ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครก่อน รวมถึงกลุ่มมหาวิทยาลัย ได้มีการจัดสรรอีก 5 แสนโดส โดยรวมทั้ง 3 ส่วนจะอยู่ที่ 2.5 ล้านโดส ก็ขอให้มั่นใจว่าพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการระบาดมาก จะได้รับการจัดวัคซีนที่เพียงพอต่อการควบคุมการระบาด
เรื่องของจุดฉีดวัคซีนนั้นต้องอยู่ภายใต้การกำกับของแพทย์และสถานพยาบาล และต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานที่กรมควบคุมโรคกำหนด โดยมีจุดฉีดอยู่ที่ต่างจังหวัดจำนวน 993 จุด ซึ่งพร้อมจะให้บริการในวันที่ 7 มิถุนายน และกรุงเทพมหานครมีอย่างน้อย 25 จุด รวมกับสำนักงานประกันสังคมอีก 25 จุด รวมถึงกลุ่มมหาวิทยาลัยที่เปิดจุดบริการให้ฉีดวัคซีนสำหรับบุคลากรของตนเองและประชาชนโดยรอบ
“กระทรวงสาธารณสุข และ ศบค. จะติดตามผลการฉีดเป็นรายวัน และปรับเปลี่ยนสถานการณ์ ปรับเปลี่ยนตัวเลข ปรับเปลี่ยนยอดให้ตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ทุกอย่างจะสังเกตเห็นว่ายังเป็นไปตามแผนที่ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุขกำหนด จังหวัดแต่ละจังหวัดก็จะมียอดเป้าหมายการฉีด ส่วนการบริหารจัดการเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ที่จะนำแผนจากภาคนโยบายไปสู่การปฏิบัติ” นพ.โอภาส กล่าวทิ้งท้าย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
