วันนี้ (7 มิถุนายน) วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานโซนกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ภาครัฐและกรุงเทพมหานคร (กทม.) เร่งตรวจหาโควิด-19 ในแรงงานต่างชาติ โดยไม่แบ่งแยกว่าเข้าประเทศถูกกฎหมายหรือไม่ แต่ถ้าอยู่ในกลุ่มคลัสเตอร์เดียวกันควรดำเนินการตรวจเชื้อไปคราวเดียวกันให้เสร็จสิ้น
ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการระบาดในคลัสเตอร์วงเวียนใหญ่ มีตลาดสดขนาดใหญ่รวมกัน 3 แห่ง และมีแรงงานต่างชาติมีใบอนุญาตทำงานถูกต้อง และแรงงานต่างชาติที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน เพราะนายจ้างยังไม่พาไปขึ้นทะเบียนเข้าสู่ระบบแรงงานต่างชาติ
วิชาญกล่าวต่อไปว่า จากการสังเกตการณ์ของทีมว่าที่ผู้สมัครสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พบว่า ภาครัฐจัดการตรวจเชื้อกลุ่มแรงงานไม่พร้อมกัน กล่าวคือ แยกกลุ่มที่มีใบอนุญาตทำงานถูกกฎหมายตรวจหาเชื้อและเข้าสู่ระบบการรักษาก่อนรอบหนึ่ง ส่วนกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ยังไม่ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบแรงงานแยกไปตรวจอีกรอบหนึ่งในอีกหลายวันถัดไป เป็นเพราะหน่วยงานภาครัฐต้องไปเคลียร์สิทธิการเบิกจ่ายงบประมาณสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งในระหว่างที่รอตรวจเชื้อนี้ แรงงานต่างชาติกลุ่มที่ยังไม่เข้าระบบต่างหวาดกลัว บ้างก็ไม่เข้ามาตรวจเชื้อตามนัดหมาย บ้างก็หลบอยู่ในที่พักไม่กล้าออกมาตรวจเชื้อเพราะกลัวโดนจับ จึงทำให้การตรวจเชื้อเป็นไปอย่างล่าช้า รวมถึงเป็นการสุ่มเสี่ยงที่แรงงานจะเคลื่อนย้ายหนีออกไปจากพื้นที่ และไปแพร่เชื้อระบาดในจุดอื่นเพิ่ม จึงอยากเรียกร้องภาครัฐว่า ในเมื่อรัฐบาลมีการตั้งงบประมาณ และ สปสช. เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการเบิกจ่ายแล้ว ก็ควรดูแลแรงงานเหล่านี้ให้ได้รับการตรวจหาเชื้อ และเข้าสู่กระบวนการรักษาตามขั้นตอนโดยไม่ต้องแบ่งแยกว่าแรงงานกลุ่มไหนถูกกฎหมายหรือไม่ถูกกฎหมาย เพราะเวลานี้สถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนัก ต้องควบคุมโรคให้ได้ จึงไม่ควรใช้ประเด็นเรื่องงบประมาณมาเป็นอุปสรรคในการตรวจหาเชื้อและรักษาผู้ป่วย
“ผู้ป่วยไม่ว่าจะสัญชาติใด จะเข้าเมืองถูกกฎหมายหรือไม่ แต่เมื่อเขาทำงานอยู่บ้านเรา เขาก็เป็นมนุษย์ เมื่อเขาป่วยเราก็ต้องรักษา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 การตรวจหาเชื้อในแรงงานต่างชาติเร็วเท่าไร เท่ากับระงับการระบาดได้เร็วเท่านั้น” วิชาญกล่าว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
