วันนี้ (13 พฤษภาคม) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยระหว่างแถลงสถานการณ์ประจำวันว่า ในที่ประชุมได้วิเคราะห์ตัวเลข พบว่าตัวเลขผู้ป่วยใหม่วันนี้อยู่ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล สูงถึง 1,524 ราย ส่วนจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศรวมกันได้แค่ 512 ราย คิดเป็น 1 ใน 3 จากทั้งหมด ซึ่งต้องดูมาตรการรายวัน โดยสรุป กทม. และปริมณฑล มีการระบาดที่คงตัว แต่แนวโน้มไม่ลดลง ยังพบผู้ป่วยอาการหนักและใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้น
ขณะที่สำนักอนามัย กทม. ได้สแกนภาพพื้นที่รายเขตที่พบผู้ติดเชื้อ พบว่าเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายและเขตดินแดงยังมีการระบาดในชุมชนจำนวนมาก ส่วนเขตสัมพันธวงศ์เป็นการระบาดในตลาด นอกจากนั้นยังมีการระบาดในออฟฟิศคอลเซ็นเตอร์ในเขตราชเทวีด้วย ขณะที่เขตที่ยังมีความเข้มข้นของการระบาด 11 เขต ได้แก่ เขตดินแดง เขตสวนหลวง เขตวัฒนา เขตลาดพร้าว เขตคลองเตย เขตจตุจักร เขตหลักสี่ เขตพระนคร เขตดุสิต เขตราชเทวี และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ที่เป็นพื้นที่เฝ้าระวังการติดเชื้อแบบต่อเนื่อง ส่วนอีก 4 เขตที่มีแนวโน้มควบคุมการระบาดได้ ได้แก่ 1. ชุมชนวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 2. ชุมชนบ่อนไก่ เขตปทุมวัน 3. ย่านสำเพ็ง เขตสัมพันธวงศ์ และ 4. เขตสาทร
ทั้งนี้ การตรวจพบผู้ติดเชื้อใน กทม. จะมีกลุ่มเสี่ยงที่เป็นคนยังไม่ติดเชื้อ โดยนำเข้า 1. โรงแรมสถานกักกันโรค (SQ) รายใหม่ 52 ราย สะสม 226 ราย และ 2. กักตัวที่บ้าน (Home Quarantine) รายใหม่ 2,120 ราย สะสม 6,121 ราย
“ขอให้ทุกคนที่อยู่ในการกักตัวให้ความสำคัญสูงสุดร่วมมือกับสำนักอนามัย กทม. เพราะ 14 วันที่ต้องแยกตัวอยู่ที่บ้านก็เป็นการปรับยุทธศาสตร์อำนวยความสะดวกให้ท่านระดับหนึ่ง แต่หากท่านไม่อยู่บ้าน นำเชื้อออกไปก็จะเกิดความเสี่ยง และหากพบว่าเปลี่ยนจากเป็นกลุ่มเสี่ยงกลายเป็นติดเชื้อ ต้องรีบมาพบแพทย์” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล