สำนักข่าว The New York Times เผยแพร่บทความผ่านเว็บไซต์ ตีแผ่สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกล่าสุดในไทย หลังสามารถยับยั้งการระบาดจนไม่พบผู้ติดเชื้อได้นานหลายเดือน แต่ตอนนี้กลับต้องเผชิญการแพร่ระบาดที่รุนแรง สาเหตุจากการท่องเที่ยวยามราตรีในคลับหรูของบรรดาแขก VVIP
กรณีดังกล่าวเป็นที่รู้จักในชื่อคลัสเตอร์ทองหล่อ ซึ่งการระบาดเริ่มต้นจากคริสตัลคลับ สถานบันเทิงระดับหรูหรือเลานจ์ในย่านทองหล่อ ซึ่ง ฮันนาห์ บีช และ มัคติตา ซูฮาร์โตโน ผู้สื่อข่าวของ NYTimes เผยบรรยากาศที่แขกระดับ VVIP เข้าไปเที่ยวในเลานจ์แห่งนี้ และได้รับการดูแลจากเหล่าสาวสวยที่สวมมงกุฎและปีกนางฟ้าต้อนรับ
บทความอ้างว่า ภายในห้อง VVIP ที่มีผนังบุนวมและโซฟาหนานุ่ม ถูกใช้รับรองแขกพิเศษ ทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลไทย นักการทูต นายทหาร และนักธุรกิจ ซึ่งปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนาน ตามคำขวัญของเลานจ์ที่ระบุว่า ‘ความบันเทิงที่หรูหราของแสงไฟยามค่ำคืน’ ขณะที่มาตรการป้องกันโควิด-19 ต่างๆ ไม่สามารถยับยั้งความสนุกเหล่านี้ได้
ผลที่ตามมาทำให้คริสตัลคลับและเลานจ์ใกล้เคียงอย่างเอมเมอรัลด์ กลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุดในกรุงเทพฯ ซึ่งรุนแรงและเลวร้ายมากกว่าที่ผ่านมา ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ผู้ติดเชื้อที่เชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดจากเลานจ์ดังกล่าวมีทั้งระดับเอกอัครราชทูตและรัฐมนตรีที่ระบุว่าติดเชื้อจากทีมงานหน้าห้อง ซึ่งไปเที่ยวคริสตัลคลับ ตลอดจนตำรวจและหญิงสาวที่ทำงานในคลับ
บทความยังฉายให้เห็นภาพความพยายามของคนไทยที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่สวมหน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันต่างๆ รวมถึงการล็อกดาวน์อย่างเคร่งครัด
แต่การละเลยและความประมาทของเหล่า VVIP เพียงไม่กี่คน กลับเป็นตัวเร่งให้เกิดสถานการณ์ระบาดระลอกนี้ ซึ่งคลัสเตอร์ทองหล่อถือเป็นกรณีที่เน้นย้ำให้เห็นถึงการไม่ต้องรับโทษใดๆ ของเหล่าคนรวยในไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนมากที่สุดแห่งหนึ่งในกลุ่มเศรษฐกิจหลัก
ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในตอนนี้ แพร่ขยายจากคลับหรูดังกล่าวไปยังชุมชนแออัดย่านคลองเตย ซึ่งไร้การป้องกันและรักษาระยะห่าง เช่นเดียวกับในเรือนจำ แคมป์คนงานก่อสร้าง และโรงงานอีกหลายแห่ง
“คนรวยปาร์ตี้ และคนจนรับผลกระทบที่ตามมา” สิทธิชาติ อังคะสิทธิศิริ ประธานชุมชนคลองเตย กล่าว
วิกฤตแพร่ระบาดล่าสุดทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในไทยเพิ่มจากไม่ถึง 5,000 รายในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เป็นมากกว่า 5,800 รายในวันเดียวเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมสูงกว่า 175,000 ราย
การระบาดรุนแรงในไทยเกิดขึ้นเช่นเดียวกับหลายชาติตะวันตกที่สถานการณ์ใกล้กลับสู่ภาวะปกติ และเป็นส่วนหนึ่งของการระบาดระลอกใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประสบปัญหาวัคซีนไม่เพียงพอ
โดย NYTimes เผยว่า ไทยนั้นพึ่งพาการผลิตวัคซีนจาก AstraZeneca โดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ที่ไม่เคยผลิตวัคซีนมาก่อน
บทความยังตอกย้ำถึงปัญหาความไม่เสมอภาคของไทยท่ามกลางภาวะแพร่ระบาด โดยชี้ว่า ผู้ใหญ่หรือชนชั้น Elite นั้นสามารถจองทัวร์เดินทางไปต่างประเทศเพื่อรับการฉีดวัคซีนที่ไม่มีในประเทศได้ โดยทัวร์ฉีดวัคซีนในรัสเซียราคา 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 210,000 บาท ถูกจองเต็มจนถึงเดือนกรกฎาคม
แต่สำหรับกลุ่มคนยากไร้นั้นยังคงต้องดิ้นรน หลายคนต้องรอเตียงในโรงพยาบาลสนามที่รัฐบาลจัดทำขึ้นเพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในขณะที่กลุ่มคนรวยที่มีอาการไม่รุนแรง สามารถเข้าพักฟื้นได้ในโรงแรมราคาแพง
“สังคมไม่เสมอภาคอย่างมาก ผู้ใหญ่เหล่านี้ทำลายสถานการณ์โควิดด้วยตัวเขาเอง และพวกเรา คนตัวเล็กๆ ไม่สามารถอยู่ได้” หนึ่งในพนักงานบริษัทนมที่เดินทางจากบ้านเกิดในภาคอีสานเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ กล่าว พร้อมเล่าถึงกรณีพี่สาววัย 40 ปี ของเธอที่เป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อภายในห้าง ซึ่งพยายามไปรอตรวจโควิด-19 ในจุดที่รัฐบาลเปิดให้บริการ โดยไปรอตั้งแต่ตี 3 ของวันที่ 27 เมษายน แต่ได้ตรวจเชื้อในวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งผลปรากฏว่าเป็นบวกหรือติดเชื้อ ก่อนที่จะเสียชีวิตในอีก 5 วันถัดมา ขณะที่แฟนของพี่สาวก็ติดเชื้อและยังอยู่ในโรงพยาบาล
“ผู้คนตายเหมือนใบไม้ร่วง” เธอกล่าว
สำหรับการดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องที่รับผิดชอบในกรณีคลัสเตอร์ทองหล่อนั้น ศาลได้พิพากษาจำคุกผู้จัดการของเลานจ์ทั้ง 2 แห่งอย่างคริสตัลคลับและเอมเมอรัลด์คนละ 2 เดือน ฐานละเมิด พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ขณะที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างสืบสวนว่ามีการค้าประเวณีหรือไม่
ซึ่งในคดีที่เกี่ยวข้องกับบุคคลระดับมหาเศรษฐีหรือนักการเมืองในไทยนั้น NYTimes ชี้ว่า การสืบสวนจะค่อยๆ หายไป พร้อมยกตัวอย่างการตั้งข้อหาในคดีฆาตกรรมที่ไม่เป็นรูปธรรมชัดเจน และผู้ที่มีเส้นสายสามารถหนีไปยังต่างประเทศได้
นอกจากนี้ในบทความยังมีการสัมภาษณ์ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส. ที่ชี้ถึงกรณีคลัสเตอร์ทองหล่อว่า เปรียบเหมือนทำเนียบรัฐบาลอีกแห่ง เพราะเต็มไปด้วยเหล่านักการเมือง พร้อมระบุถึงพฤติกรรมนักการเมืองที่ทั้งยิ้มและโกหกไปในเวลาเดียวกัน เพื่อเอาตัวรอดจากเรื่องนี้
“ในวัฒนธรรมไทย เราสามารถยิ้มและโกหกได้ในเวลาเดียวกัน บางทีเพื่อความอยู่รอดทางการเมือง นั่นโอเคนะ แต่เมื่อเป็นกรณีโควิด-19 มันอันตรายเกินไป” เขากล่าว
ภาพ: Photo by Chaiwat Subprasom / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: