วันนี้ (17 กรกฎาคม) ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเรื่องที่ ภัณฑิล น่วมเจิม สส. กทม. พรรคประชาชน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2569 มีการเสนอแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด มีผลให้ สส. สว. หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสองหรือไม่
ตามคำร้องอ้างถึง พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ในฐานะผู้ถูกร้อง เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและมีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ ที่พิเชษฐ์มีส่วนโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณปี 2568 และกรณีสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีคำขอเสนอโครงการทั้ง 3 โครงการในปีงบประมาณ 2569 เป็นการเสนองบประมาณด้วยโครงการที่มีรูปแบบเดียวกันและต่อเนื่อง ที่พิเชษฐ์มีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใดๆ
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องในส่วนนี้ไว้พิจารณา โดยเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2568 พิจารณาเสร็จสิ้น และเป็นกฎหมายบังคับใช้แล้ว ไม่อยู่ในขั้นตอนการอนุมัติงบประมาณในกระบวนการทางนิติบัญญัติ จึงต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 8:1 เสียง ให้รับคำร้องกรณีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ประจำปี 2569 ไว้พิจารณา และมีคำสั่งแจ้งให้ผู้ร้องรับทราบเนื่องจากศาลจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลมีมติรับความเห็นไว้พิจารณา ให้พิเชษฐ์ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายในวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคมนี้ และเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ให้คู่กรณีรับเอกสารจากเจ้าหน้าที่ของศาลภายในเวลาที่กำหนดแทนการส่งเอกสารให้แก่บุคคลนั้น
ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องในส่วนที่ผู้ร้องขอให้พิเชษฐ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ และศาลไม่รับคำร้องกรณีคำขอให้กำหนดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องระงับการเบิกจ่ายใช้งบประมาณโครงการดังกล่าวทั้ง 3 โครงการตามงบประมาณฯ ปี 2568
ศาลกำหนดไต่สวนพยานบุคคลในวันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคมนี้เวลา 10:00 น. หากคู่กรณีประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดีให้ยื่นแถลงการณ์ปิดคดีเป็นหนังสือภายในวันอังคารที่ 29 กรกฎาคมนี้ โดยศาลนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2568 เวลา 09:30 น. และนัดฟังคำวินิจฉัยเวลา 15:00 น. เป็นต้นไป ที่ห้องพิจารณาคดีชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ตุลาการเสียงข้างน้อย 1 คน คือ อุดม สิทธิวิรัชธรรม ด้วยเห็นว่าการกระทำฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญตามคำร้อง เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้อง คำร้องเพิ่มเติม และเอกสารประกอบ ยังไม่ปรากฏว่า พิเชษฐ์มีการกระทำฝ่าฝืนบทบัญญัติดังกล่าวเป็นที่ยุติชัดเจน เป็นเพียงการบริหารราชการแผ่นดินที่เกี่ยวข้องกับกิจการของสภาผู้แทนราษฎรตามหน้าที่ของพิเชษฐ์ที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรมอบหมายเท่านั้น