วันนี้ (28 มกราคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีกบฏ กปปส. (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) สำนวนแรกที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย 4 คน ได้แก่ สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, สกลธี ภัททิยกุล, สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และเสรี วงษ์มณฑา เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏและข้อหาอื่นๆ กรณีจำเลยร่วมกันชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. ขับไล่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2556-2557 โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 4 คน
อย่างไรก็ตาม ศาลได้เลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันนี้ออกไปก่อน เนื่องจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังไม่แล้วเสร็จ โดยศาลอาญาได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่อีกครั้งในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ เวลา 09.00 น.
สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. ที่เดินทางมาให้กำลังใจให้สัมภาษณ์เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีที่เกี่ยวข้องกับ กปปส. ขณะนี้ว่ามีคนที่ถูกดำเนินคดีแยกกันออกไป บางคดีจบในศาลชั้นต้น บางคดีถึงศาลอุทธรณ์ จำนวนหนึ่งไปถึงศาลฎีกา มีการทยอยอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาบ้างแล้ว บางรายถูกลงโทษจำคุก เพราะศาลพิจารณาพยานหลักฐานว่าเป็นการขัดขวางการเลือกตั้ง บุกรุกสถานที่ราชการ มี 4 รายถูกลงโทษจำคุกและได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยโทษออกจากคุกมาแล้ว บางคนยังรับโทษไม่รอลงอาญา เสียชีวิตไปก็มี ที่ผ่านมาเราเคลื่อนไหวทำงานให้ประเทศชาติบ้านเมืองก็ถูกดำเนินคดี วันนี้เป็นคดีกบฏเล็ก 4 คน ศาลชั้นต้นยกฟ้องไปแล้ว แต่อัยการอุทธรณ์ ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษา ส่วนคดีชุดใหญ่อีก 39 คน ศาลนัดอ่านคำพิพากษาวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการต่อสู้ของ กปปส. ถ้าเปรียบกับม็อบยุคนี้แตกต่างอย่างไร มีข้อแนะนำอย่างไร
สุเทพกล่าวว่าตนไม่สามารถแนะนำใครได้ในการต่อสู้ทางการเมือง แต่ละฝ่ายมีความคิด มีความเชื่อ มีเป้าหมายต่างกัน แต่กฎหมายก็คือกฎหมาย ทุกคนจะคิดอ่านอย่างไรก็ไม่เป็นไร เป็นสิทธิเสรีภาพ แต่การใช้สิทธิเสรีภาพต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์