วันนี้ (30 เมษายน) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอ่านคำสั่งในคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ในคดีที่ศาลมีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ฟ้อง สมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดเสื้อแดง ในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 (3)
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 เมษายน ว่าจำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 6 ปี
ต่อมาทนายจำเลยยื่นขอปล่อยชั่วคราวโดยใช้หลักทรัพย์ 5 แสนบาท ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งให้ส่งศาลอุทธรณ์พิจารณาประกันระหว่างอุทธรณ์
โดยศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า พิเคราะห์ความหนัก-เบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ข้อหามีอัตราโทษสูง ลักษณะการกระทำความผิดของจำเลยนำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันฯ กระทบกระเทือนจิตใจของประชาชน ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น หรืออาจจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ศาลให้เหตุผลว่า แม้ ‘กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ’ โดยเนื้อแท้เป็นการกล่าวชื่นชม ไม่ได้หมิ่นประมาท แต่จำเลยโพสต์ประกอบข่าวมติชนเกี่ยวกับเรื่องฝ่ายความมั่นคงเข้าพบนักศึกษาที่ไม่เข้ารับปริญญา จำเลยมีเจตนาชื่นชมโดยเอาพระราชดำรัสมาโพสต์
ในสังคมไทยการรับปริญญาถือว่าเป็นเกียรติและสิริมงคล จึงถือเป็นการล้อเลียน เสียดสี ขัดต่อมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ เข้าลักษณะดูหมิ่น หมิ่นประมาทองค์พระมหากษัตริย์ การที่จำเลยอ้างว่าโพสต์ตามกระแสในโซเชียลโดยไม่ทราบว่าเป็นพระราชดำรัสนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะมีการออกข่าวในสื่อ
ส่วนข้อความที่ 2 ขอให้ปรับลดงบประมาณ ที่ตั้งใจสื่อถึงนายกรัฐมนตรี จำเลยได้โพสต์ข้อความโดยใช้คำว่า เขาขอให้ลดงบประมาณ ไม่ใช่ลดตัวลงมาหาประชาชน คำว่าลดตัว ตามพจนานุกรมหมายถึงถ่อมตัว ไว้ตัว ไม่ได้ใช้กับนายกรัฐมนตรี ไม่มีหลักฐานว่านายกรัฐมนตรีได้ไปลงพื้นที่พบปะประชาชนในช่วงเวลาดังกล่าว
ส่วนข้อความที่ 3 เรื่องการแจกลายเซ็น จำเลยเบิกความว่าไม่ได้โพสต์ถึงใคร รวมถึงจำไม่ได้แล้วว่ากล่าวถึงใคร ศาลถือว่าเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ฟังไม่ขึ้น