วันนี้ (8 พฤษภาคม) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เขตตลิ่งชัน พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม นำตัว คม หรือ อดีตพระอาจารย์คม อายุ 39 ปี, วุฒิมา หรือ พระหมอ อายุ 38 ปี และ จุฑาทิพย์ อายุ 35 ปี 3 ผู้ต้องหา
ข้อหา เจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย หรือรับของโจร ไปยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน
โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า อดีตพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี ครอบครองเงินที่ได้รับบริจาคของวัด อดีตพระมหาวุฒิมาเป็นเจ้าอาวาส เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังเอาเงินของวัดเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต ด้วยการถอนเงินสดออกจากบัญชีเงินฝากของวัดตามคำสั่งการของอดีตพระคม
เมื่อรวบรวมได้เป็นเงินจำนวนมากพอ อดีตพระคมสั่งการให้อดีตพระมหาวุฒิมานำเงินบรรจุใส่กระเป๋าเดินทางส่งมอบให้จุฑาทิพย์ ซึ่งเป็นน้องสาวของอดีตพระคมรับไว้ต่างกรรมต่างวาระตามสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดนครราชสีมา กรุงเทพมหานคร และจังหวัดนนทบุรี เกี่ยวพันกัน
จากนั้นจุฑาทิพย์ยังได้นำเงินสดที่รับมาไปเก็บไว้ที่บ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามตรวจค้นบ้านพัก พบเงินสดเป็นเงิน 51 ล้านบาทเศษ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง รวมมูลค่าทรัพย์สินของวัดที่ถูกประทุษร้าย 182,776,733 บาท
โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุว่า มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสามจะหลบหนี คดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับผู้ต้องหาทั้งสามจะก่อความเสียหายขนย้ายทรัพย์สินไปซุกซ่อนไว้ที่อื่น เตรียมเคลื่อนย้ายออกจากวัด พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและควบคุมผู้ต้องหาทั้งสามจะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้อง รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ และประวัติต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งสาม ตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์และข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีธนาคารต่างๆ จึงขอหมายขังผู้ต้องหาทั้งสามไว้ระหว่างสอบสวน และขอคัดค้านการขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสาม เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี เป็นการกระทำสร้างความเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา และเกรงจะมีการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสามที่ถูกควบคุมตัวนั้น มีการสั่งการให้พระและลูกศิษย์เคลื่อนย้ายทรัพย์ของวัดที่ได้รับบริจาคมาจากประชาชนออกไป เตรียมจะซุกซ่อนไว้ที่อื่น หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทำให้กระทบต่อการสอบสวน
ผู้ต้องหาทั้งสามยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยผู้ต้องหาทั้งสามระบุเหตุผลว่ามิได้กระทำความผิด
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ผู้ต้องหาทั้งสามถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง มีลักษณะร่วมกันกระทำความผิด โดยที่ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 อาศัยโอกาสกระทำความผิดในขณะครองสมณเพศ อันเป็นที่เคารพและเชื่อถือศรัทธาของประชาชน พฤติการณ์เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง ประกอบกับมีการตรวจยึดของกลางคือเงินสด และมีความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสามอาจหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อีกทั้งพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน