วันนี้ (20 ตุลาคม) เวลา 11.30 น. รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และเพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม นำขึ้นรถผู้ต้องหามาที่ศาลอาญาเพื่อฝากขัง หลังมีการอายัดตัวทั้งสองไปที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 (ตชด.ภ.1) ในข้อหาตามมาตรา 116 ซึ่งในขณะที่เคลื่อนผ่านสื่อมวลชนบริเวณศาลแพ่ง รุ้งและเพนกวินได้ชูสามนิ้วและตะโกนคำว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” และ “เรายอมสละเสรีภาพของเราเพื่อหลักการอันถูกต้อง ศาลจะต้องมาอยู่เคียงข้างประชาชน ไม่ใช่ศักดินา”
ต่อมาในเวลา 13.30 น. ศาลอาญา โดย นรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ยื่นขอคัดค้านการฝากขังแกนนำสองคนโดยใช้ตำแหน่งอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นหลักประกัน
สำหรับข้อหาความผิด รุ้งและเพนกวินถูกดำเนินคดีในข้อหาตามมาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นจากการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวง ในวันที่ 19-20 กันยายนที่ผ่านมา
โดยตำรวจ สน.ชนะสงคราม ได้ขออำนาจศาลฝากขัง 12 วัน แต่ศาลอนุญาตให้ฝากขัง 7 วัน ซึ่งทีมทนายความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ยื่นขอประกันตัวโดยใช้ตำแหน่งนักวิชาการของ ผศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกันตัวเพนกวิน ส่วน ดร.เอกสิทธิ์ หนุนภักดี อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ประกันตัวรุ้ง ขณะที่ ผศ.อดิศร จันทรสุข ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาร่วมสังเกตการณ์
ต่อมาศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่าหากผู้ต้องหาได้ปล่อยชั่วคราวแล้วอาจจะไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองและอาจจะกระทำซ้ำอีก ศาลจึงยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว โดยเพนกวินจะถูกคุมตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ส่วนรุ้งจะถูกคุมตัวไปที่ทัณฑสถานหญิงกลาง
ด้านทนายความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ออกมารายงานผลการไม่ปล่อยชั่วคราวของเพนกวินและรุ้ง ว่าเพนกวินยังมีคดีในลักษณะเช่นเดียวกันในจังหวัดอุบลราชธานี ขอนแก่น อยุธยา
ทั้งนี้เพนกวินได้แถลงต่อศาลว่า “ไม่คัดค้านการฝากขัง แต่รู้สึกถูกกลั่นแกล้ง เพราะเป็นคดีทางการเมือง” ส่วนกำลังใจยังดีอยู่ ที่กังวลคือเพนกวินมีอาการป่วยหอบหืด ส่วนรุ้งมีอาการไมเกรน ซึ่งทั้งสองคนได้ฝากถึงการต่อสู้ว่าให้คนข้างนอกต่อสู้ไป ไม่ต้องห่วงเขา การต่อสู้ของประชาชนต้องเดินต่อ แม้จะไม่มีเขา ไม่มีแกนนำ ก็จะต้องเดินหน้าต่อ ส่วนในวันพรุ่งนี้ทางทีมทนายที่ได้ปรึกษาญาติทั้งสองครอบครัวแล้วจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวอีกครั้ง ซึ่งหากศาลอุทธรณ์มีความคิดเห็นเดียวกับกรณีของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เชื่อว่าทั้งสองคนจะได้ปล่อยตัวพรุ่งนี้
.
ด้าน ผศ.ดร.ประจักษ์ ให้สัมภาษณ์ว่าตนมาเป็นนายประกัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีกองทุนประกันตัวนักศึกษา และพร้อมที่จะมาเป็นนายประกันต่อไปถ้าศาลมีคำสั่ง ทั้งนี้มีความห่วงใยในสวัสดิภาพของนักศึกษาทั้งสองคน โดยเพนกวินยังมีกำลังใจ เดิมหวังว่าจะได้รับการปล่อยตัว แต่เป็นห่วงเรื่องเรียน ตนจึงฝากให้ประสานกับอาจารย์ผู้สอน ส่วนรุ้งมีกำลังใจดี แม่ของรุ้งพยายามส่งของใช้ให้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต พ่อแม่จึงได้แต่มองลูกสาวผ่านลูกกรง
ทั้งนี้ ผศ.ดร.ประจักษ์ ระบุว่ารุ้งและเพนกวินไม่มีพฤติกรรมหลบหนี ที่ผ่านมามีการไปมอบตัวด้วยซ้ำ ซึ่งแสดงว่ายินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยกลุ่มอาจารย์มีความคาดหวังว่าทั้งสองคนจะได้รับประกันตัว เพราะจากในอดีตคดีที่มีความรุนแรงกว่าหรือแกนนำที่เป็นผู้ใหญ่มีความผิดรุนแรงกว่ายังได้รับการประกันตัว ขณะที่แกนนำเป็นเยาวชนก็ควรจะได้รับการพิจารณาประกันตัว
“ส่วนเหตุผลที่จะก่อความวุ่นวายซ้ำ ทางกลุ่มอาจารย์มองว่าถ้ามองการชุมนุมครั้งนี้ตั้งแต่ต้นจะพบว่าเป็นการชุมนุมโดยสันติวิธี ไม่มีพฤติกรรมก่อความรุนแรง จะเห็นได้ว่ารุ้งกับเพนกวินพูดเตือนผู้ชุมนุมเสมอว่าให้ชุมนุมโดยสงบ ยึดมั่นสันติ และการมีแกนนำอยู่จะสามารถควบคุมการชุมนุม สื่อสารได้ แต่การชุมนุมที่ไม่มีแกนนำอาจจะควบคุมไม่ได้ ทั้งนี้คำว่าวุ่นวายขึ้นอยู่กับการตีความ” ผศ.ดร.ประจักษ์ กล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์