Bloomberg เปิดเผยว่า ราคาค่าเทอม รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ สำหรับการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับ Ivy League ภายในปี 2025 จะขยับสูงขึ้นถึงกว่า 9 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.3 ล้านบาท) ตัวอย่างเช่น ที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียนต่อปีขณะนี้สูงกว่ารายได้เฉลี่ยของครัวเรือนในสหรัฐอเมริกา โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดครอบคลุมค่าเล่าเรียน ค่าธรรมเนียม ที่พักอาศัย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จของการเรียนในมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 92,288 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 3.35 ล้านบาท) ขณะที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลอยู่ที่กว่า 92,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนวิทยาลัยดาร์ตมัธและมหาวิทยาลัยบราวน์จะมากกว่า 91,000 ดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม มีนักศึกษาจำนวนมากที่ลงทะเบียนในมหาวิทยาลัย Ivy League ทั้ง 8 แห่งทั่วสหรัฐฯ ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางและสถาบัน ทำให้สามารถจ่ายค่าเล่าเรียนได้ถูกลง โดยภายใต้เงินอุดหนุนจากภาครัฐ บวกกับเงินบริจาคจากภาคเอกชน ผู้เรียนที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข เช่น นักเรียนที่มีรายได้ครอบครัวต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือน้อยกว่า จะได้รับทุนที่ครอบคลุมทั้งค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
การที่มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาชั้นนำมีการจัดสรรงบเพื่อสนับสนุนการศึกษา ทำให้ฤดูกาลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยล่าสุดมีนักเรียน-นักศึกษาเข้ามายื่นเรื่องขอเรียนต่อกับ Ivy League จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่คาดหวังที่จะได้รับทุนสนับสนุน หลีกเลี่ยงวิกฤตหนี้นักศึกษาที่มีมูลค่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ สำหรับครอบครัวที่จ่ายเงินเต็มจำนวนเพื่อให้ลูกหลานได้เข้าเรียนใน Ivy League มีแววว่าน่าจะต้องเผชิญกับการเรียกเก็บเงินมากกว่า 350,000 ดอลลาร์ตลอดระยะเวลา 4 ปี (ราว 12.7 ล้านบาท)
Mark Huelsman แห่งศูนย์ Student Borrower Protection Center กล่าวว่า ขณะนี้สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับวิกฤตความสามารถในการจ่ายค่าเล่าเรียนในระดับอุดมศึกษาของผู้เรียน ซึ่งเพียงแค่ความสามารถในการจ่ายก็เป็นอุปสรรคใหญ่แล้ว โดยทั่วไปแล้วความสามารถในการจ่ายจะสร้างอุปสรรคในการเข้าถึงให้กับนักเรียนที่คิดว่า ‘ตนเองไม่สามารถจ่ายได้’ (I can never afford that)
รายงานของ Commonfund Institute ระบุอีกว่า ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการเข้าเรียนใน Ivy League นั้นใกล้เคียงกับเกณฑ์เฉลี่ยสำหรับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น 4% โดยค่าเล่าเรียนสำหรับปีการศึกษาถัดไปที่มหาวิทยาลัยบราวน์เพิ่มขึ้น 4.5% ที่วิทยาลัยดาร์ตมัธ โดยรวมค่าธรรมเนียมแล้วเพิ่มขึ้น 3.8% และที่มหาวิทยาลัยเยลมีการเรียกเก็บเงินรวมถึงค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก และค่าอาหารเพิ่มขึ้นเกือบ 4%
แม้ว่าค่าเล่าเรียนจะแพงมหาศาล แต่ความต้องการของหนุ่มสาวที่จะได้เข้าเรียนใน Ivy League ยังคงไม่ลดลง โดยในปีนี้ใบสมัครของเยล, ดาร์ตมัธ และเพนซิลเวเนียเพิ่มขึ้นมากกว่า 9% อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกลับมีใบสมัครเข้าเรียนลดลง 5% เนื่องจากข่าวอื้อฉาวที่เกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงการลาออกของอธิการบดี
สำหรับมหาวิทยาลัย Ivy League ประกอบด้วย
- University of Pennsylvania ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ 92,288 ดอลลาร์สหรัฐ
- Cornell University ที่ 92,150 ดอลลาร์สหรัฐ
- Brown University ที่ 91,676 ดอลลาร์สหรัฐ
- Dartmouth College ที่ 91,312 ดอลลาร์สหรัฐ
- Yale University ที่ 90,975 ดอลลาร์สหรัฐ
- Columbia University ที่ 89,587 ดอลลาร์สหรัฐ
- Princeton University ที่ 86,700 ดอลลาร์สหรัฐ
- Harvard University ที่ 82,866 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัย Ivy League ทั้งหมดมีโครงการช่วยเหลือนักศึกษารายได้น้อยให้สามารถเข้าถึงการศึกษาชั้นนำจากมหาวิทยาลัยระดับโลกได้ โดยแต่ละแห่งจะมีทุนและโครงการอุดหนุนการศึกษา ทำให้นักศึกษาไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเต็มจำนวน ซึ่งสัดส่วนการอุดหนุนจะมีตั้งแต่ 46% ไปจนถึง 65%
อ้างอิง: