วันนี้ (25 เมษายน) เมื่อเวลา 09.00 น. ธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงผลการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงกับ ชูเกียรติ แสงวงค์ หรือ จัสติน ที่พบว่าติดเชื้อก่อนหน้านี้ โดยเปิดเผยว่า จากกรณีที่ชูเกียรติซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และได้ทำการส่งตัวไปรับการรักษาที่ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 ทำให้ต้องดำเนินการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงจำนวน 35 ราย โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ 9 ราย และผู้ต้องขัง 26 ราย ซึ่งรวมถึงแกนนำกลุ่มราษฎรด้วยนั้น
ผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังกลุ่มสัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงทั้ง 35 ราย ไม่พบเชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกราย
อย่างไรก็ตาม ยังต้องแยกกักตัวกลุ่มดังกล่าวเป็นระยะเวลา 14 วันและทำการตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันผลว่าปลอดเชื้อ
ธวัชชัยกล่าวชี้แจงว่า ปัจจุบันเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งสิ้น 10 ราย แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ 1 ราย และผู้ต้องขัง 9 ราย โดยผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ 8 รายเป็นผู้ช่วยงานเจ้าพนักงานเรือนจำ ซึ่งมีการแยกการควบคุมไว้ที่ฝ่ายควบคุมผู้ต้องขัง เพื่อปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตรวจค้น รับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ และผู้ต้องขังไป-กลับศาล โดยเป็นการติดเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ที่ติดเชื้อ ซึ่งได้ตรวจพบเชื้อและทำการรักษาตัวอยู่ที่ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ไปแล้วก่อนหน้านี้ รวมทั้งได้แยกกักตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดรายอื่นๆ และตรวจหาเชื้อเรียบร้อยแล้ว
ส่วนผู้ต้องขังอีก 1 รายคือ ชูเกียรติ ที่มีการพบว่าติดเชื้อเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 เป็นการตรวจพบเชื้อในระหว่างแยกกักตัวเป็นระยะเวลา 14 วันในแดนกักโรคหลังกลับจากศาลตามมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ต้องแยกกักตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ รับย้าย และผู้ต้องขังออกศาลเป็นระเวลา 14 วัน ซึ่งยังอยู่ในระหว่างสอบสวนโรคอีกครั้งว่าเป็นการติดเชื้อจากกระบวนการใด โดยยืนยันว่าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ยังไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำชั้นใน และผลการตรวจหาเชื้อในเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังรายอื่นๆ ยังไม่พบการติดเชื้อเพิ่มเติม
“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังมีแนวโน้มระบาดอย่างต่อเนื่อง กรมราชทัณฑ์ได้ยกระดับมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้เป็นเชิงรุกมากขึ้นคือ
1. การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายอย่างน้อย 2 ครั้ง คือ หลังรับตัวเข้าห้องแยกกักโรค ภายใน 3 วันแรก และก่อนออกจากห้องแยกกักโรคอีก 1 ครั้ง เพื่อยืนยันว่าไม่มีเชื้อ
2. การจัดหาวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อฉีดให้แก่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคน โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติงานในเรือนจำและทัณฑสถาน
3. ให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคนเข้ารับการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 และต้องทำการตรวจหาเชื้อในทุก 14 วัน โดยเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับผู้ต้องขัง
จึงขอให้ผู้ต้องขังและญาติผู้ต้องขังมั่นใจและอย่าได้วิตกกังวล กรมราชทัณฑ์มีความพร้อมในการรับมือและดูแลผู้ต้องขังทุกคนให้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ไปได้ด้วยดี” ธวัชชัยกล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า