การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมต่างสะเทือนไปตามๆ กัน ซึ่งในบทความของ CNBC มีการวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่มีต่อผู้เล่นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไว้อย่างน่าสนใจ เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เซกเตอร์อุตสาหกรรมที่ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของหลายประเทศต้องปรับตัวกันขนานใหญ่ โดยเฉพาะผู้ให้บริการบัตรเครดิตและโรงแรม
ผลกระทบเหล่านี้มีอะไรบ้าง
อันดับ 1: บัตรเครดิตสำหรับการท่องเที่ยว
บริษัทบัตรเครดิตที่สะสมคะแนนเพื่อแลกรับสิทธิพิเศษและส่วนลดด้านการท่องเที่ยว จำเป็นต้องคิดใหม่ว่าจะเสนอบริการอะไรให้แก่ผู้ถือบัตร เนื่องจากโรคระบาดและการจำกัดการเดินทางทำให้การจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมยังคงซบเซา โรงแรมที่ทำการตลาดร่วมกับบัตรเครดิตต้องต่ออายุคะแนนสะสมและเปลี่ยนไปให้ลูกค้าใช้คะแนนเพื่อแลกรับบริการอื่นๆ แทน
ไบรอัน เคลลี ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ The Points Guy เว็บไซต์เกี่ยวกับการสะสมคะแนนบัตรเครดิตและการท่องเที่ยว กล่าวกับรายการ Trading Nation ของ CNBC เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมาว่า “อย่างที่เราทราบกัน โดยปกติแล้วบัตรเครดิตสำหรับการท่องเที่ยวจะให้คุณใช้แต้มสะสมกับการเดินทางท่องเที่ยว แต่ตอนนี้คุณสามารถใช้คะแนนสะสมกับร้านขายของชำและการใช้จ่ายอื่นๆ ได้”
สำหรับคำถามที่ว่า บัตรเครดิตใดที่เขาจัดอันดับให้เป็นอันดับ 1 เคลลีกล่าวว่า Chase Sapphire Reserve ยังคงเป็น ‘บัตรท่องเที่ยวอันดับ 1’ ขณะที่ตัวเขาเองใช้บัตร Amex Gold ในช่วงของการแพร่ระบาด
“Amex Gold อาจเป็นบัตรที่ผมใช้มากที่สุดในช่วงกักตัว เพราะคุณได้รับคะแนนเพิ่ม 4 เท่าเมื่อคุณใช้บัตรในการรับประทานอาหาร ซึ่งนับว่าตอบโจทย์มาก เพราะคุณสั่งอาหารเกือบทุกมื้อ” เขากล่าว
อันดับ 2: โรงแรม
ข้อมูลล่าสุดจาก Smith Travel Research แสดงให้เห็นว่า อัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยกลับมาทะลุ 50% ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 22% ในช่วงกลางเดือนเมษายน แต่ยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาด
นอกจากความท้าทายนานัปการอันเนื่องมาจากโควิด-19 ที่บรรดาเจ้าของโรงแรมต้องเผชิญแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นคือการที่ผู้บริโภคหันไปสนใจการเช่าบ้านผ่าน Airbnb อย่างต่อเนื่อง
“ความสนใจใน Airbnb นั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว และในตอนแรกผมคิดว่าผู้บริโภคน่าจะกังวลหน่อยๆ ที่จะพักอาศัยอยู่ในบ้านที่ไม่ได้ทำความสะอาดตามมาตรฐานของโรงแรม” เคลลีกล่าว “แต่นั่นตรงกันข้าม โดยเฉพาะเมื่อเราพบว่า โควิดไม่ได้อยู่บนพื้นผิวมากอย่างที่เราคิด ดังนั้นผู้คนจึงเริ่มสบายใจที่จะทำความสะอาดสถานที่ของตนเอง และด้วยเหตุที่คนไม่อยากใช้ลิฟต์ ดังนั้นผมจึงเชื่อว่า Airbnb จะยังคงเป็นเทรนด์ต่อไป” เขากล่าว
สตีฟ แจนโควสกี จาก AllTheRooms ผู้ให้บริการข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลการเช่าระยะสั้น กล่าวว่า การเช่าบ้านหรือห้องพักระยะสั้นที่ทำการจองในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้น่าพอใจมาก โดยยอดจองในขณะนี้อยู่ที่ 89% ของระดับของปี 2019 ในสหรัฐอเมริกา
ด้าน สตีเฟน คอฟเฟอร์ ซีอีโอ Tripadvisor มองเห็นการเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยของผู้บริโภคเช่นกัน
“เห็นได้ชัดเจนในช่วงการแพร่ระบาด ผู้คนกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยมากที่สุด พวกเขาเริ่มมองหาบ้านเดี่ยว” คอฟเฟอร์กล่าวกับ CNBC เมื่อวันจันทร์
โรงแรมต่างๆ เช่น Marriott, Hilton และ Hyatt เล็งเห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเช่นกัน และต่างเปลี่ยนแปลงข้อเสนอของตนเองด้วยการส่งข้อมูลใหม่ๆ ผ่านทางแอปฯ มือถือเพื่อช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าโรงแรมหรือรีสอร์ตแห่งใดที่มอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในช่วงการระบาด โดยเมื่อไม่นานมานี้ Marriott ได้ส่งอีเมลถึงสมาชิกโปรแกรม Loyalty โดยสรุปรายการโรงแรมที่ตั้งอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติและหาดทราย
“ส่วนตัวแล้วผมชอบแอปฯ ของ Hilton เพราะคุณสามารถเลือกห้องแบบที่คุณชอบได้ เมื่อก่อนเราต้องการห้องที่อยู่ชั้นสูงๆ เพื่อมองเห็นวิว แต่ตอนนี้คุณรู้ไหม คนจำนวนมากต้องการห้องชั้นล่างหรือชั้นหนึ่ง เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องใช้ลิฟต์” เคลลีกล่าว
ทั้งนี้แม้หุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวร่วงลงอย่างมากในปี 2020 แต่ก็ยังคงมีหุ้นจำนวนหนึ่งในกลุ่มนี้ที่ปรับตัวขึ้นได้จากความหวังเรื่องวัคซีน ซึ่งจะทำให้การเดินทางเพื่อธุรกิจและการท่องเที่ยวพักผ่อนกลับมาได้ในที่สุด
โดยหุ้นบริษัทผู้ให้บริการเรือสำราญรายใหญ่ ได้แก่ Carnival, Royal Caribbean และ Norwegian Cruise Line ต่างพุ่งขึ้นอย่างน้อย 125% จากที่ร่วงลงแตะระดับต่ำในเดือนมีนาคม ขณะที่เครือโรงแรมรายใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง Marriott พุ่งขึ้น 112% ส่วน Expedia ทะยานขึ้น 132%
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: