พิษโอมิครอน! ยอดเคลมปีนี้อาจแตะ 2 หมื่นล้านบาท กรมธรรม์ ‘เจอ-จ่าย-จบ’ ยังเหลืออีก 6 ล้านฉบับ

สมาคมประกันวินาศภัยประเมินยอดเคลมโควิดปีนี้อาจสูงถึง 2 หมื่นล้านบาท หลังโอมิครอนระบาดหนัก ยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งแตะ 2 หมื่น ผู้เชี่ยวชาญมองโอกาสบริษัทประกันปิดตัวเพิ่มยังมี แต่จะไม่เป็นโดมิโนเพราะรายใหญ่ยังมีกำไรสะสม

อานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ประเมินว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในประเทศที่มียอดสะสมแล้วกว่า 8 แสนราย และมีอัตราการติดเชื้ออยู่ที่ 2 หมื่นคนต่อวัน น่าจะทำให้มียอดเคลมประกันโควิดในปีนี้ยังอยู่ในระดับสูงที่ราว 2 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันยังมีกรมธรรม์โควิดแบบเจอจ่ายจบที่ยังมีผลคุ้มครองเหลืออยู่อีกกว่า 6 ล้านฉบับ

“เราประเมินว่าโอมิครอนไม่น่าจะรุนแรงกว่าเดลตาที่มียอดผู้ติดเชื้อรวม 2.2 ล้านราย และในเดือนนี้เราน่าจะได้เห็นอัตราผู้ติดเชื้อต่อวันที่ลดลง อย่างไรก็ดี ความคุ้มครองของประกันแบบเจอจ่ายจบส่วนใหญ่จะหมดลงในเดือนเมษายน อาจมีบางส่วนที่คุ้มครองไปถึงมิถุนายนบ้าง” อานนท์กล่าว

อานนท์ระบุว่า เท่าที่ติดตามดูบริษัทประกันที่มีผลิตภัณฑ์ประเภทเจอจ่ายจบพบว่า เจ้าที่เหลือซึ่งเป็นรายใหญ่น่าจะรับมือกับสถานการณ์ได้จากการมีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยมีหนึ่งรายที่ต้องเพิ่มทุนซึ่งก็น่าจะทำได้สำเร็จ ขณะที่บริษัทประกันขนาดเล็กที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่มีกรมธรรม์เจอจ่ายจบไม่สูงมาก ทำให้คาดว่าในปีนี้ไม่น่าจะมีบริษัทประกันที่ต้องปิดกิจการเพิ่มเติม

“ปีที่ผ่านมา ประกันวินาศภัยทั้งระบบมีผลขาดทุนจากการรับประกันภัย 8,253 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเคลมประกันโควิด แต่ถ้าถามว่าปีนี้จะขาดทุนอีกหรือไม่ ขณะนี้ยังเร็วไปที่จะประเมิน เพราะยังอยู่ในช่วงต้นปี คงต้องรอดูสถานการณ์โควิดอีกสัก 4 เดือน รวมถึงผลงานของผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ด้วย” อานนท์ระบุ

สำหรับรูปแบบของประกันโควิดในช่วงต่อจากนี้ อานนท์มองว่าบริษัทประกันส่วนใหญ่ไม่น่าจะออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับโควิดออกมาแล้ว เพราะโควิดกำลังจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีประกันที่เกี่ยวกับโรคลองโควิด (Long Covid) ออกมา เพราะกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองแบบเฉพาะเจาะจงโรคเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในระยะหลัง

ด้าน พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน นักคณิตศาสตร์ประกันภัย บริษัท แอคชัวเรียล บิสซิเนส โซลูชั่น (ABS) ประเมินว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่สูงถึง 2 หมื่นคนต่อวันในช่วงนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงกับบริษัทประกันที่ยังมีกรมธรรม์โควิดแบบเจอจ่ายจบที่ยังมีผลคุ้มครองเหลืออยู่ โดยปัจจุบันยังมีบริษัทประกันที่มีผลิตภัณฑ์ประเภทเจอจ่ายจบเหลืออยู่ทั้งหมด 12 แห่ง จากที่ก่อนหน้านี้มีบริษัทปิดตัวไปแล้ว 4 แห่ง

พิเชฐระบุว่า ความเสี่ยงที่จะมีบริษัทประกันต้องปิดตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ยังมีอยู่ เนื่องจากการแพร่ระบาดยังมีโอกาสกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกระลอกในช่วงหลังสงกรานต์ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ขณะที่ความคุ้มครองของกรมธรรม์แบบเจอจ่ายจบจะยังมีไปถึงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ทำให้ยอดเคลมยังมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น

“บริษัทขนาดเล็กขนาดกลางที่ไม่มีกำไรสะสมหรือมีกำไรปริ่มๆ พอเจอภาวะขาดทุน 1 ปีก็ล้มเลย ซึ่งกลุ่มนี้ปิดตัวไปหมดแล้ว ส่วนกลุ่มที่มีความเสี่ยงอยู่จะเป็นบริษัทที่มีสัดส่วนลูกค้าเจอจ่ายจบในต่างจังหวัดสูง เนื่องจากช่วงหลังสงกรานต์มีโอกาสที่การติดเชื้อในต่างจังหวัดจะเพิ่มขึ้น” พิเชฐกล่าว

อย่างไรก็ดี พิเชฐระบุว่า สิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นแน่ๆ คือภาวะการล้มแบบโดมิโน เนื่องจากบริษัทที่ยังมีประกันเจอจ่ายจบเหลืออยู่ส่วนหนึ่งเป็นรายใหญ่ที่มีกำไรสะสม สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นการขายพร้อมกับประกันโรคร้ายแรงและคิดเบี้ยค่อนข้างสูง ทำให้อาจเจ็บตัวไม่มากหรือขาดทุนไม่เยอะ

พิเชฐคาดว่าผลิตภัณฑ์ประกันโควิดที่จะออกมาในช่วงหลังจากนี้จะมีรูปแบบที่ปรับเปลี่ยนไป โดยจะเน้นไปที่ประกันที่คุ้มครองอาการโคม่าเป็นหลัก เพราะเจอจ่ายจบคงไม่มีบริษัทไหนทำอีกแล้ว

สำหรับเบี้ยประกันโควิดเชื่อว่าจะยังไม่ปรับขึ้น เนื่องจากโควิดจะกลายเป็นเหมือนกับไข้หวัดตามฤดูกาล ยกเว้นในกรณีที่ทางการมีการปรับเปลี่ยนกฎให้เข้าแอดมิตในโรงพยาบาลได้ง่ายขึ้น ในกรณีนี้เบี้ยอาจปรับสูงขึ้นได้

อาภากร ปานเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการสายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย คปภ. เปิดเผยว่า ภาพรวมกรมธรรม์โควิด ณ สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2565 มียอดจ่ายเคลมทั้งระบบ 43,300 ล้านบาท มีเบี้ยประกันภัยรับ 11,000 ล้านบาท และมีจำนวนผู้เอาประกันภัยรวม 41 ล้านราย โดยสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เหลือกรมธรรม์โควิดแบบเจอจ่ายจบที่ยังมีผลคุ้มครองอยู่อีก 6.7 ล้านฉบับ

อาภากรกล่าวว่า แม้ยอดผู้ติดเชื้อโอมิครอนตอนนี้จะทะลุ 2 หมื่นรายต่อวันไปแล้ว แต่ยอดเบิกเคลมโควิดปีนี้คงไม่สูงเท่าปีที่ผ่านมา เพราะส่วนหนึ่งมีกลุ่มกรมธรรม์ของบริษัทที่ถูกปิดกิจการไปแล้ว ขณะเดียวกันยังมีผู้ติดเชื้อบางส่วนที่ติดเชื้อรอบ 2 ซึ่งกรมธรรม์มีผลคุ้มครองไปแล้ว

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH