เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว 32.9% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการติดลบมากที่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มเก็บสถิติในปี 1947 และหนักกว่าสถิติก่อนหน้าที่หดตัว 10% ในปี 1958 ถึงกว่า 3 เท่า
วิกฤตโควิด-19 ที่นำไปสู่การล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หยุดชะงักต่อเนื่องในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ขณะที่การใช้จ่ายด้านบริการลดฮวบลงอย่างมาก
อย่างไรก็ดี การติดลบถึง 30% เป็นตัวเลขที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้อยู่ก่อนแล้ว โดยพวกเขาคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ จะฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากนี้ แต่กระนั้นสถานการณ์การระบาดที่ยังเลวร้าย โดยที่ผู้ติดเชื้อยังพุ่งสูงในหลายรัฐ ทำให้หลายพื้นที่กลับมาใช้มาตรการที่เข้มงวด และทำให้การฟื้นตัวมีสัญญาณหยุดชะงัก
ก่อนหน้านี้ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้เตือนถึงภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดยระบุว่าเศรษฐกิจขาลงครั้งนี้อาจเลวร้ายที่สุดในชั่วชีวิตของเรา
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีชาวอเมริกันยื่นขอสวัสดิการการว่างงานมากกว่า 1.4 ล้านคน สูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าเล็กน้อย และเป็นการเพิ่มขึ้น 2 สัปดาห์ติดต่อกัน ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงในเดือนกรกฎาคม
พาวเวลล์ยังเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้จ่ายงบประมาณมากขึ้นเพื่อช่วยเหลือภาคครัวเรือนชาวอเมริกัน ตลอดจนภาคธุรกิจให้ฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้
อ้างอิง: