นอกจากการปล่อยสินค้าคอลเล็กชันใหม่ๆ แล้ว ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ยังมุ่งสานต่อโครงการ RE.UNIQLO ที่เปิดให้ลูกค้านำเสื้อกันหนาวและเสื้อผ้าใช้แล้วมาบริจาคช่วยผู้ประสบภัยหนาว โดยตัวเลขในปีที่ผ่านมามีจำนวนบริจาคกว่า 50,000 ตัว พร้อมส่งเสริมการใช้แล้วทิ้งมาสู่การซ่อมเสื้อผ้าเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ผ่าน RE.UNIQLO STUDIO ตั้งแต่เปิดมาผลตอบรับดีเกินคาด
ถึงกระนั้นโครงการ RE.UNIQLO เป้าหมายของบริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ UNIQLO ตั้งเป้าการบริจาคเสื้อผ้าทั่วโลกไว้ที่ 10 ล้านตัวต่อปีภายในปี 2568 ทั้งหมดตั้งอยู่บนปณิธาน 4 ข้อ ได้แก่
- Reuse – การใช้ซ้ำโดยบริจาคเสื้อผ้าที่ใช้แล้วสภาพดีให้กับผู้ที่ขาดแคลน
- Recycle – แปรสภาพเป็นเชื้อเพลิงหรือวัตถุดิบสำหรับการผลิตเสื้อผ้าตัวใหม่
- Repair – การซ่อมแซมเสื้อผ้าตัวโปรดให้กลับมาใช้งานได้อย่างยาวนาน
- Remake – การแปลงโฉมและตกแต่งลูกเล่นบนเสื้อผ้าอย่างมีสไตล์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ทั้งหมดนี้ถือเป็นการรองรับเทรนด์ของ Sustainability ที่กำลังได้รับความสนใจทั่วโลก
เขมจิรา เทศประทีป ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ได้ร่วมโครงการ RE.UNIQLO มาตั้งแต่ปี 2558 และบริจาคเสื้อผ้าให้กับองค์กรการกุศลเพื่อส่งต่อให้ผู้ที่ต้องการแล้วกว่า 2 แสนตัว
ส่วนโครงการ RE.UNIQLO 50,000 Warm Clothes หรือการบริจาคเสื้อกันหนาว 50,000 ตัว เพื่อช่วยผู้ประสบภัยหนาว เป็นกิจกรรมของบริษัทที่เริ่มในปี 2566 เปิดให้คนไทยนำเสื้อกันหนาวหรือเสื้อแขนยาวมาบริจาค จากนั้นบริษัทจะนำไปส่งต่อให้องค์กรพันธมิตร ได้แก่ มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิบ้านร่มไทร และ UNHCR ประเทศไทย
หากย้อนไปตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปี 2565 ตัวเลขเสื้อผ้าบริจาครวมๆ กันอยู่ที่ 2 แสนชิ้น ส่วนปี 2566 อยู่ที่ 94,000 ชิ้น ทั้งหมดนี้บริษัทและพันธมิตรได้นำไปบริจาคให้ผู้ประสบภัยหนาวในแต่ละพื้นที่แตกต่างกันออกไป
สำหรับในปี 2567 โครงการดังกล่าวยังเป็นจุดโฟกัสของ UNIQLO จากนี้จะเน้นให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักรู้ โดยเริ่มจากภายในองค์กร มีทั้งการโปรโมต การสร้างการรับรู้ให้กับพนักงานในการนำเสื้อผ้ามาร่วมบริจาค พร้อมกับวางกล่องรับบริจาคที่สาขาที่อยู่ 66 แห่งทั่วประเทศ
ทั้งนี้ UNIQLO ตั้งเป้าบริจาคเสื้อผ้าให้ครบ 50,000 ชิ้นภายในต้นปี 2567 ซึ่งจะรวมถึงพื้นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนีภัยฯ ทางภาคเหนือผ่าน UNHCR ประเทศไทย อีกด้วย โดยทำควบคู่กับการเดินหน้าจัดกิจกรรมด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง