วันนี้ (29 พฤศจิกายน) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาในคดีที่ศาลอาญาส่งคำโต้แย้งของจำเลย (รักชนก ศรีนอก) ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 683/2565 เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 ว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 หรือไม่
ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า คำโต้แย้งของจำเลยและเอกสารประกอบปรากฏว่า รักชนกแสดงเหตุผลประกอบคำโต้แย้งเฉพาะพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1), (2) และ (3) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง และคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง กำหนดประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1), (2) และ (3) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่งหรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1), (2) และ (3) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง
สำหรับคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 683/2565 เป็นคดีที่รักชนก ซึ่งขณะนั้นเป็นสมาชิกกลุ่มคลับเฮาส์เพื่อประชาธิปไตย ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 จากกรณีโพสต์ข้อความวิจารณ์รัฐบาลประเด็นการจัดซื้อจัดหาวัคซีนโควิด-19 และกรณีรีทวีตภาพถ่ายในการชุมนุมวันที่ 16 ตุลาคมไปแยกปทุมวัน ปี 2563 ซึ่งมีข้อความที่ถูกกล่าวหาว่าต่อต้านสถาบันฯ