วันนี้ (24 มิถุนายน) นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยถึงกรณี มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะความเป็นนายกรัฐมนตรีของ แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ สืบเนื่องจากกรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา
นครินทร์ระบุว่า ในวันที่ 1 กรกฎาคม เรามีการนัดประชุมไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะมีการตัดสินคดีเกี่ยวกับกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ วันนั้นจะเป็นวันที่ลงมติมีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ส่วนเรื่องที่ร้องเรื่องคลิปเสียง ส่วนตัวยังไม่ได้ดู ตอนนี้อยู่ในกระบวนการรับเรื่อง ขอให้กลับไปที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อดูหนังสือทั้งหมดว่าเป็นไปตามขั้นตอนถูกต้องหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นครินทร์ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่ในวันที่ 1 กรกฎาคม องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีการพิจารณากรณีคลิปเสียงนายกรัฐมนตรี แต่เวลานี้ต้องให้คณะตุลาการตรวจสอบเอกสารให้ครบถ้วนก่อน ซึ่งหากมีการรับพิจารณา ก็จะออกได้ 2 ทางคือ รับเรื่องหรือไม่รับเรื่อง
ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งได้เลยในวันที่ 1 กรกฎาคมหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ ต้องรอตรวจเอกสารก่อน และทุกครั้งที่มีการประชุมจะต้องมีองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญครบทั้ง 9 คน
นครินทร์ยังกล่าวด้วยว่า หากในวันดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณากรณีคลิปเสียง ก็ไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่เสมอไป ซึ่งจะข้อเท็จจริงว่า การหยุดปฏิบัติหน้าที่จะทำให้เกิดความเสียหายหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีกรณีที่รับพิจารณาคดี โดยไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
ประธานศาลรัฐธรรมนูญกล่าวด้วยว่า สำหรับคดีที่อยู่ในความสนใจ ก็ไม่ได้มีกรอบที่จะต้องเร่งรัดการพิจารณา แต่คดีของศาลรัฐธรรมนูญในช่วงหลัง ไม่มีความล่าช้าและแทบไม่มีคดีตกค้าง แต่มีกรอบเรื่องเดียวคือ คดีที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ว่าด้วยเรื่องการแปลงงบประมาณเพื่อใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน
สำหรับเรื่องคลิปเสียงนครินทร์ยอมรับว่า แน่นอนว่ามีความหนักใจในผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ในเมื่อเราอยู่ตรงนี้ ก็ต้องทำตามหน้าที่