วันนี้ (23 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราว่าจะมีการคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลหลังจากนี้อย่างไรบ้าง โดยระบุว่า เท่าที่ทราบในช่วงบ่ายของวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะมีการนัดพรรคร่วมรัฐบาลหารือในเรื่องนี้
โดยจะมีการหารือใน 2 ประเด็น คือ
- เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตราที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนนำเสนอในขณะนี้ว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีความคิดเห็นอย่างไร
- จะหารือเรื่องที่ทำมาในอดีตจนถึงปัจจุบัน หรือความคืบหน้าในเรื่องจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ว่ามีปัญหาอย่างไรบ้าง เช่น มีการทำเรื่องประชามติไปถึงไหนแล้ว จะเริ่มทำได้เมื่อไร และจะแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 ได้เมื่อไร ซึ่งคงได้ข้อยุติ
ส่วนข้อครหาว่าการแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้เป็นการเอื้อนักการเมือง จะผ่านวาระ 1 ได้หรือไม่ ชูศักดิ์กล่าวว่า เราเข้าใจดีว่าความรู้สึกของคนในสังคมเรื่องความเป็นมาของรัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นอย่างไร แต่เรื่องที่เราแก้ไขคือการแก้ให้เป็นธรรม ชัดเจนขึ้น มีระเบียบปฏิบัติ หรือแนวทางที่ชัดเจนขึ้น ย้ำว่าเราไม่ได้ยกเลิกเรื่องที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญปราบโกง เพียงแต่ต้องมีการกำหนดที่ชัดเจนว่าต้องนับพฤติกรรมตั้งแต่เมื่อไร เพื่อให้ชัดเจนขึ้น จะได้ไม่มีปัญหาในแง่การทำหน้าที่
ทั้งนี้ ชูศักดิ์ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเตรียมเสนอรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ ต่อที่ประชุมสภาในวันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายนนี้
กมธ.นิรโทษกรรม เตรียมเสนอรายงานต่อสภา 26 ก.ย. นี้
ชูศักดิ์ชี้แจงว่า กระบวนการในการเตรียมยกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุมสภา ส่วนในวันพฤหัสบดีนี้เป็นเพียงการเสนอรายงานของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งตนเองเป็นประธาน และต้องย้ำว่ายังไม่ใช่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้งนี้ มติของที่ประชุมอาจจะให้รัฐบาลหรือพรรคการเมืองต่างๆ รับรายงานไปพิจารณาว่าสมควรจะยกร่าง พ.ร.บ. อย่างไร คณะกรรมาธิการฯ ไม่มีอำนาจไปบังคับ
สำหรับประเด็นที่ยังมีความละเอียดอ่อน คือการนิรโทษกรรมคดีในความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ชูศักดิ์ระบุว่า ในรายงานไม่ได้บอกว่าจะให้รวมคดีมาตรา 112 ไว้หรือไม่ เพียงแต่นำทุกข้อเสนอทั้งหมดให้สภาและรัฐสภาพิจารณา ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสมาชิกทั้งหลายเหล่านั้นว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ เพราะอย่างไรเสียในขั้นตอนการยกร่างกฎหมายว่าจะรวมหรือไม่เราก็ไม่มีอำนาจตรงนั้น
ส่วนจะมีสิ่งการันตีหรือไม่ว่ารัฐบาลจะหยิบยกกฎหมายนิรโทษกรรมขึ้นมาจัดทำ ชูศักดิ์ตอบว่า ไม่มีอะไรไปบังคับรัฐบาลได้ เพราะเป็นคนละส่วนกัน รัฐบาลจะเสนอกฎหมายด้วยแนวทางไหน อย่างไร หรืออาจจะยังไม่เสนอ แต่ให้พรรคการเมืองดำเนินการ ก็สามารถทำได้
อย่างไรก็ตาม ชูศักดิ์ระบุว่า แม้รัฐบาลจะยังไม่ตอบสนองต่อการเสนอรายงาน รายงานฉบับนี้ก็ยังไม่ถือว่าสูญเปล่า เพราะรัฐบาลก็อาจมีมติส่งให้พรรคการเมืองพิจารณาไปเสนอเป็นร่างกฎหมายเข้ามาก็ได้ ขณะที่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ได้มีการหารือว่าจะเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของพรรคหรือไม่ เพียงแต่ตั้งเรื่องศึกษาให้มีองค์ความรู้ว่าควรดำเนินการด้านกฎหมายอย่างไรในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
