วันนี้ (11 มีนาคม) สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม, นิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. และไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองอธิบดีดีเอสไอ แถลงความคืบหน้าผลการประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม
โดยสมศักดิ์เปิดเผยว่าวันนี้มี 3 ประเด็นความคืบหน้าที่จะออกมาชี้แจงต่อสื่อมวลชน โดยเรื่องแรก เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ. ยาเสพติด พืชกระท่อม โดยนำความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาประกอบการพิจารณา จากนั้นจะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา จึงแจ้งผลให้กระทรวงสาธารณสุขและเสนอสภาผู้แทนราษฎรตามขั้นตอนต่อไป
“เรื่องพืชกระท่อมนั้นต้องพิจารณา 3 เรื่อง 1.จะควบคุมไม่ให้เยาวชนไปใช้กับพืชกระท่อมได้อย่างไร โดยให้ ป.ป.ส. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ 2.พืชกระท่อมสามารถทำเป็นยาและอาหารเสริมได้หรือไม่ ให้ ป.ป.ส. ดำเนินการตรวจสอบผลวิจัยเรื่องนี้และประสาน อย. และ 3.คนใช้จะมีผลกระทบขณะขับขี่รถหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาพบว่าผู้เสพพืชกระท่อมไม่เคยตกเป็นข่าวทำร้ายร่างกายใคร ไม่ทะเลาะวิวาทหรือก่อคดีฉกชิงวิ่งราว จึงให้ ป.ป.ส. ไปศึกษามา” สมศักดิ์กล่าว
นอกจากนี้สมศักดิ์เผยต่อว่าเรื่องต่อมาคือกระทรวงการคลังได้อนุมัติสิทธิพิเศษกับกรมราชทัณฑ์ในเรื่องที่หน่วยราชการมีการจัดซื้อสิ่งประดิษฐ์หรือสิ่งของที่กรมราชทัณฑ์ให้ผู้ต้องขังเป็นผู้ผลิต เช่น มีหน่วยงานรัฐมาซื้ออิฐตัวหนอนที่กรมราชทัณฑ์ผลิต สามารถจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษโดยไม่ต้องผ่านการประกวดราคาตามขั้นตอนได้เลย
ส่วนเรื่องสุดท้าย มีการเปิดเผยถึงคดีแชร์ต่างๆ ที่ดีเอสไอดำเนินการอยู่ว่าคดีแชร์แม่มณี ทางดีเอสไอดำเนินการส่งฟ้องผู้ต้องหา 9 รายต่ออัยการไปแล้ว ส่วนคดีแชร์ Forex-3D นั้น ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองอธิบดีดีเอสไอ รายงานว่าเป็นคดีที่มีความซับซ้อนมาก และทางธนาคารได้ตรวจเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลเส้นทางการเงินผู้ต้องหาจำนวน 10 ลังมาให้ไม่นาน จึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบและพิจารณาข้อมูล คาดว่าเดือนเมษายน 2563 จะมีความชัดเจน และเดือนกรกฎาคมนี้จะส่งสำนวนฟ้องอัยการได้ นอกจากนี้จะมีการตามจับกุมผู้บริหาร Forex-3D ที่หลบหนีอยู่แถวๆ สิงคโปร์และมาเลเซียมาดำเนินคดีให้ได้
ระหว่างแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ จะแจ้งความกลับดีเอสไอข้อหาแจ้งความเท็จนั้น ทางไตรยฤทธิ์กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวเกิดความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของดีเอสไอจึงไปแจ้งความ เพราะเป็นสิทธิตามกฎหมาย พร้อมยืนยันว่าทางดีเอสไอไม่แจ้งความเท็จ เพราะเป็นข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏเป็นข่าว
ทั้งนี้สมศักดิ์เผยสั้นๆ ว่าประเด็นยังไม่ชัดเจน พูดไปคนจะสับสน ขอให้ประเด็นชัดเจนค่อยว่ากันเป็นเรื่องๆ ไป เพราะตนมองว่าเดี๋ยวจะเหมือนคนตะโกนด่ากันไปมามากกว่า ดังนั้นเรื่องทั้งหมดขอว่าความกันในชั้นศาลดีกว่า
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
