ขณะที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิตคอยน์กำลังปั่นป่วนและผันผวนอย่างหนักเพราะรัฐบาลจีนและรัฐบาลสหรัฐฯ ต่างพร้อมใจส่งสัญญาณที่จะเข้ามาดำเนินการกำกับดูแลและควบคุมคริปโตเคอร์เรนซีอย่างใกล้ชิด ทว่าก็มีนักลงทุนส่วนหนึ่งออกมาแสดงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการเติบโตในอนาคต หนึ่งในนั้นก็คือ เรย์ ดาลิโอ นักลงทุนมหาเศรษฐีพันล้าน ผู้ก่อตั้งกองทุน Bridgewater Associates ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่ากว่า 101,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในฐานะหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา เรย์ ดาลิโอ เปิดใจกับทางเว็บไซต์ coindesk.com อย่างชัดเจนว่า ภาย
ใต้สถานการณ์ที่เงินเฟ้อกำลังพุ่ง ตนเองยินดีเลือกที่จะถือบิตคอยน์มากกว่าพันธบัตรรัฐบาลหรือบอนด์ ก่อนยอมรับว่า ขณะนี้ได้เข้าถือบิตคอยน์บางส่วนมาไว้ในพอร์ตการลงทุนของตนเองบ้างแล้ว ตามหลังมหาเศรษฐีพันล้านอย่าง สแตนลีย์ ดรักเคนมิลเลอร์ ที่เข้าไปลงทุนในบิตคอยน์ก่อนแล้วเช่นกัน
รายงานระบุว่า ความเคลื่อนไหวของดาลิโอครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าบรรดาสถาบันการเงินและนักลงทุนชั้นนำต่างให้ความสำคัญกับบทบาทของคริปโตเคอร์เรนซี ที่หลายคนรวมถึงดาลิโอยอมรับว่าบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่มีสถานะใกล้เคียงกับทองคำ ทำให้ยินดีเข้าไปลงทุนในบิตคอยน์ในฐานะ Safe Haven ที่จะรับมือกับภาวะเงินเฟ้อซึ่งเกิดจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินชุดใหญ่ของรัฐบาลหลายประเทศเพื่อรับมือกับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19
ขณะเดียวกันนักลงทุนอีกส่วนหนึ่งที่แม้จะยังไม่แน่ใจในสถานะที่ใกล้เคียงทองคำของบิตคอยน์ก็ยังตัดสินใจลงทุนในบิตคอยน์ โดยเห็นว่าบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ในตลาดมีโอกาสทำกำไรรายวันจากสภาวะผันผวนที่เกิดขึ้น แต่ต้องมีการวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ
ทั้งนี้ในส่วนของดาลิโอกล่าวว่า แม้จะเคยแสดงความเคลือบแคลงใจต่อบิตคอยน์เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แต่ระยะเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมาก็เพียงพอให้ตนเองมีเวลาศึกษาบิตคอยน์อย่างจริงจัง จนกลายมาเป็นฝ่ายที่ยกมือสนับสนุนการลงทุนในบิตคอยน์ โดยดาลิโอระบุชัดว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่บิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลคู่แข่งอื่นๆ จะเติมเต็มความต้องการของนักลงทุนที่กำลังแสวงหาสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อเก็บออมความมั่งคั่งของตนเอง
สำหรับเหตุผลที่ทำให้บิตคอยน์มีเสน่ห์ดึงดูดนักลงทุน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสัดส่วนหนี้สินในหลายประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำที่ระดับหนี้พุ่งทะยานเหนือ GDP หลายเท่าตัว รวมถึงสหรัฐอเมริกา ซึ่งปริมาณหนี้มหาศาลจะส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ ยิ่งเมื่อบวกกับนโยบายผ่อนคลายทางการเงินก็ยิ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์ด้อยมูลค่าลง บวกกับการที่มีขั้วมหาอำนาจอื่น เช่น จีน เข้ามาท้าทายสถานะของเงินดอลลาร์ ทำให้การถือครองเงินดอลลาร์ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีมากนัก ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่นักลงทุนจะกระจายความเสี่ยง และบิตคอยน์ก็มีคุณสมบัติดีพอระดับหนึ่งที่จะเป็นทางเลือกของนักลงทุน
ขณะเดียวกันการที่บิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีมีคุณสมบัติเป็นตัวป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นเพราะนโยบายอัดฉีดของภาครัฐ ทำให้บิตคอยน์เป็นตัวเลือกในการลงทุนที่ดีกว่าการซื้อพันธบัตรรัฐบาล
อย่างไรก็ตามดาลิโอเตือนว่า ยิ่งนักลงทุนแห่ไปลงทุนในบิตคอยน์มากขึ้นเท่าใดก็ยิ่งทำให้รัฐบาลนานาประเทศหันมาจัดการกับตลาดสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้นเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐสูญเสียอำนาจในการควบคุมระบบการเงิน
นอกจากนี้เจ้าพ่อเฮดจ์ฟันด์ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่รัฐบาลทั่วโลกควรใส่ใจในเวลานี้ก็คือเทคโนโลยี เพราะจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้รัฐสามารถฟื้นเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง โดยใครก็ตามที่สามารถคว้าชัยในการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยีได้ คนคนนั้นก็จะชนะได้ทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการทหาร
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
อ้างอิง: