สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งพรรครัฐบาลรีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ลงมติด้วยคะแนนเสียง 222 ต่อ 209 เสียง รับรองร่างกฎหมายขยายระยะเวลาการจัดสรรงบประมาณออกไปจนถึงวันที่ 30 มกราคม โดยถือเป็นการโหวตเพื่อยุติภาวะชัตดาวน์ หรือการปิดการทำงานของหน่วยงานรัฐบาลกลางครั้งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 43 วัน
ซึ่งหลังจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะลงนามบังคับใช้กฎหมาย ก่อนที่จะมีการแถลงยุติภาวะชัตดาวน์ต่อประชาชน
การลงมติดังกล่าว มีขึ้นหลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติรับรองร่างกฎหมายฉบับนี้ไปเมื่อวันจันทร์ (10 พฤศจิกายน) ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างพรรครีพับลิกันกับพรรคเดโมแครต โดยมี สส.เดโมแครต 6 คน ร่วมโหวตรับรอง ท่ามกลางเสียงคัดค้านอย่างรุนแรงจาก สส.เดโมแครต อีกหลายคน ที่ไม่พอใจกับเงื่อนไขข้อตกลง ซึ่งไม่รวมถึงการขยายระยะเวลางบประมาณอุดหนุนนโยบายประกันสุขภาพโอบามาแคร์ ที่จะหมดอายุในสิ้นปีนี้ ถึงแม้ว่าข้อตกลงจะกำหนดเงื่อนไขให้มีการลงมติเรื่องนี้ในวุฒิสภาภายในเดือนธันวาคมก็ตาม
มิกี เชอร์ริล สส.พรรคเดโมแครต ที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์คนต่อไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้กล่าวคัดค้านร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณระยะสั้นดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยกระตุ้นให้เพื่อน สส. ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลทรัมป์
“ถึงเพื่อนร่วมงานของฉัน อย่าปล่อยให้องค์กรนี้กลายเป็นตราประทับสีแดงจากรัฐบาลที่พรากอาหารไปจากเด็กๆ และทำลายระบบสาธารณสุข” เชอร์ริลกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากภาวะชัตดาวน์จะยังคงมีให้เห็นอยู่ในวันนี้ โดยนักเดินทางอาจยังคงได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบิน เนื่องจากเที่ยวบินกว่า 900 เที่ยวบินในสหรัฐฯ ถูกยกเลิกในวันนี้ ในขณะที่โครงการช่วยเหลือด้านอาหารแก่ผู้ยากไร้หรือ Food Stamp ยังไม่ชัดเจนว่าจะเริ่มกลับมาให้ความช่วยเหลือได้เมื่อไหร่ โดยระยะเวลาแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ
ทั้งนี้ การขยายระยะเวลาจัดสรรงบประมาณภายใต้กฎหมายฉบับนี้ จะยังส่งผลให้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีหนี้สินเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี จากหนี้ปัจจุบันที่มีอยู่ 38 ล้านล้านดอลลาร์
ขณะที่การเดินหน้ายุติภาวะชัตดาวน์ดังกล่าว ไม่ส่งผลให้พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตมีคะแนนนิยมดีขึ้น โดยผลสำรวจล่าสุดจาก Reuters/Ipsos poll ที่เผยแพร่วานนี้ พบว่า 50% ของชาวอเมริกันตำหนิพรรครีพับลิกันเกี่ยวกับการชัตดาวน์รัฐบาลที่เกิดขึ้น ในขณะที่ 47% ตำหนิพรรคเดโมแครต
ภาพ: REUTERS/Nathan Howard
อ้างอิง:


