วันนี้ (26 สิงหาคม) แวว-สายสุนีย์ จ๊ะนะ นักกีฬาวีลแชร์ฟันดาบสาวไทยวัย 47 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ คว้าเหรียญทองแดงให้กับทัพนักกีฬาพาราลิมปิกไทย หลังจากรอบชิงอันดับ 3 เอาชนะ โจวจิงจิง นักกีฬาวีลแชร์ฟันดาบสาวจีน 15-8 คะแนน ในการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ที่มาคุฮาริเมสเสะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
สายสุนีย์นั้นมีดีกรีเคยคว้าเหรียญทองพาราลิมปิกเกมส์ 2004 และ 2012 ส่วนเมื่อ 5 ปีที่แล้วที่ประเทศบราซิล สายสุนีย์คว้าเหรียญเงินในประเภทนี้มาครอง โดยรอบแรก ประเภทเอเป้ คลาสบี สายสุนีย์ต้องลงแข่งแบบพบกันหมดในกลุ่ม 6 แมตช์
แมตช์แรก สายสุนีย์เผชิญหน้ากับ กีออนกี ดานี จากฮังการี ปรากฏว่านักดาบสาวไทยเอาชนะสบาย 5-0 คะแนน ต่อด้วยแมตช์ที่สอง สายสุนีย์เอาชนะ เอลเลน เก็ตเดส จากสหรัฐอเมริกา 5-0 คะแนน แมตช์ที่สาม นักฟันดาบเบอร์ 1 ของโลกชาวไทย เอาชนะ โอเลนา เฟโดตา วัย 35 ปีจากยูเครน 5-2 คะแนน แมตช์ที่สี่ สายสุนีย์เอาชนะ รอสซานา พาสคิวโน วัย 38 ปี จากอิตาลี 5-3 คะแนน แมตช์ที่ห้า สายสุนีย์เจอกับ เทียนซูเหม่ย จากจีน ที่เอาชนะสายสุนีย์มาในประเภทเซเบอร์ รอบ 8 คนสุดท้ายเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม และเป็นนักดาบสาวจีน ย้ำแค้นเอาชนะสายสุนีย์ไป 5-1 คะแนน และแมตช์สุดท้ายรอบแรกแบบพบกันหมด สายสุนีย์พบกับ วาซิเลวา ลูดมิลา นักกีฬาทีมผู้อพยพชาวรัสเซีย ผลปรากฏว่าสายสุนีย์พ่ายไป 4-5 คะแนน
สรุปการลงสนามรอบแรกแบบพบกันหมดของสายสุนีย์ แข่ง 6 แมตช์ ชนะ 4 แมตช์ แพ้ 2 แมตช์ ผ่านเข้าสู่รอบ 16 คนสุดท้าย ซึ่งสายสุนีย์ทำผลงานดีในรอบแรก ทำให้ได้บายในรอบ 16 คนสุดท้าย เข้ารอบ 8 คนสุดท้าย ซึ่งสายสุนีย์ยังโชว์ฟอร์มได้ดี เอาชนะ อเลสเซีย มาคริซสกายา วัย 35 ปีจากเบลารุส 15-5 คะแนน ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบกับ เทียนซูเหม่ย คู่ปรับเก่าจากจีน ผลปรากฏว่าสายสุนีย์พยายามสู้เพื่อหวังล้างแค้นให้ได้ แต่ทำไม่สำเร็จ โดน เทียนซูเหม่ย ย้ำแค้นเอาชนะไปอีก 15-9 คะแนน
ทำให้สายสุนีย์ได้แค่ไปชิงเหรียญทองแดง พบกับ โจวจิงจิง นักดาบสาวจีนอีกรายวัย 34 ปี ซึ่งผลปรากฏว่าสายสุนีย์อาศัยประสบการณ์ที่เหนือกว่าเอาชนะไป 15-8 คะแนน คว้าเหรียญทองแดงให้กับทีมวีลแชร์ฟันดาบไทย และเป็นเหรียญแรกให้กับทัพนักกีฬาไทยในศึกพาราลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020
สำหรับ สายสุนีย์ จ๊ะนะ ได้รับเงินรางวัลอัดฉีดจากรัฐบาลไทยผ่านกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) โดยสายสุนีย์มีสิทธิ์เลือกรับเงินรางวัล 2 เงื่อนไขประกาศ เงื่อนไขแรก เหรียญทอง จะได้รับเงินอัดฉีด 7,200,000 บาท เหรียญเงิน 4,800,000 บาท และเหรียญทองแดง 3,000,000 บาท โดยเงื่อนไขนี้จะแบ่งจ่าย ซึ่งจ่ายเป็นก้อนให้นักกีฬาก่อนในอัตราร้อยละ 50 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 50 จะจ่ายเป็นรายเดือน ภายในระยะเวลา 4 ปี
ส่วนเงื่อนไขที่สอง จ่ายครั้งเดียวเป็นก้อนเดียว แต่จะได้รับในอัตราที่น้อยลง โดยเหรียญทองจะได้รับเงินรางวัลทั้งสิ้น 6,000,000 บาท เหรียญเงิน 4,000,000 บาท และเหรียญทองแดง 2,500,000 บาท