กระทรวงการคลังยืนยันไม่เก็บภาษีขายหุ้น-กำไรจากการขายหุ้นแน่นอน พร้อมคงเป้ารายได้ทั้งปีงบประมาณ 2567 ไว้ที่ 2.78 ล้านล้านบาทเท่าเดิม ด้านเผ่าภูมิแย้มว่า รัฐบาลประมาณการว่าจะจัดเก็บภาษีจากโครงการ Digital Wallet ได้กว่าแสนล้านบาท!
วันนี้ (29 กันยายน) เผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า กระทรวงการคลังไม่มีนโยบายพิจารณาภาษีที่เกี่ยวข้องกับการขายหุ้น (Financial Transaction Tax) และกระทรวงการคลังยังไม่มีนโยบายพิจารณาภาษีกำไรจากการขายหุ้น (Capital Gains Tax) พร้อมเผย 4 เป้าหมายของรัฐบาลในการผลักดันตลาดหุ้นไทย ดังนี้
- ต้องการให้ตลาดหุ้นไทยมีสภาพคล่องสูง โดยรัฐบาลไม่อยากเห็นตลาดหลักทรัพย์ฯ ซบเซา แต่ต้องการเห็นตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีความกระชุ่มกระชวยและมีเสถียรภาพ
- ต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีทั้งปริมาณการซื้อ-ขายและมีคุณภาพ
- ต้องการเห็นตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความน่าดึงดูด ทั้งในมิติดึงดูดต่อนักลงทุนที่จะมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และดึงดูดบริษัทที่จะมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
- ต้องการเห็นตลาดหลักทรัพย์ฯ มีต้นทุนในการระดมทุนต่ำ และอยู่ในระดับที่แข่งขันได้
“การที่นักลงทุนจะมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องมีความน่าสนใจ มีความน่าดึงดูด และต้องมีความสามารถในการแข่งขันได้ ต้องมีกฎระเบียบที่ผ่อนปรน กฎระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุน เราต้องการเห็นตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่สามารถแข่งขันได้ เช่น แข่งกับตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และมีความเป็นสากล
“ดังนั้น ประเด็นนี้ (ภาษีตลาดหุ้น) ถือว่าสำคัญและเป็นอิฐก้อนแรกของระบบเศรษฐกิจประเทศ หมายความว่าถ้าต้นทุนในการระดมทุนต่ำ บริษัทต่างๆ ก็จะมีต้นทุนการเงินที่ต่ำ ซึ่งหมายรวมไปถึงการจ้างงานและขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้น” เผ่าภูมิกล่าว
การเคลื่อนไหววันนี้เกิดขึ้นหลังจาก ศิริกัญญา ตันสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X (Twitter) เมื่อที่วันที่ 27 กันยายน โดยตั้งข้อสังเกตว่า ประมาณการรายได้ปีงบ 2567 รวมรายได้จากภาษีขายหุ้น 14,000 ล้านไว้แล้ว
“นั่งหาว่าประมาณการรายได้ปี 2567 ที่เพิ่ม 30,000 ล้านมาจากไหน ปรากฏว่ามาจากที่รัฐบาลจะเก็บภาษีขายหุ้น 14,000 ล้าน ที่เหลือมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บภาษี ที่ต้องงงเพราะรายงานนี้กระทรวงการคลังเอาเข้า ครม. วันที่ 13 กันยายน แต่อีก 2 วันถัดมานายกฯ ยืนยันยกเว้นภาษีขายหุ้น ตกลงจะเก็บภาษีขายหุ้นไหมคะ นายกช่วยไปคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้รู้เรื่องก่อน ถ้าไม่เก็บต้องไปประมาณการรายได้มาใหม่ เพราะถ้ารายได้ลดลงก็ต้องกู้ชดเชย ขาดดุลเพิ่ม และยอดหนี้สาธารณะก็ต้องปรับเพิ่มนะคะ”
คลังยืนยันคงประมาณการรายได้ไว้เท่าเดิม แม้พับแผนภาษีขายหุ้น
โดย พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า แม้รัฐบาลจะไม่เก็บภาษีดังกล่าวแล้ว แต่ยังคงเป้าหมายตัวเลขประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิ งบประมาณรายจ่าย และขาดดุลการคลังของปีงบประมาณ 2567 ไว้เท่าเดิม (ตามแผนการคลังระยะปานกลาง ปีงบประมาณ 2567-2570) อยู่ที่ 2,787,000 ล้านบาท, 3,480,000 ล้านบาท และ 693,000 ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566
“เนื่องจากที่ผ่านมาหน่วยงานจัดเก็บรายได้ในสังกัดกระทรวงการคลังได้มีการพัฒนาระบบต่างๆ ขึ้นมา เพื่อเพิ่มศักยภาพในการจัดเก็บรายได้อย่างต่อเนื่อง มีการใช้เทคโนโลยีในการติดตามและตรวจสอบการจัดเก็บภาษีเพื่อขยายฐานภาษี ทำให้การวางแผนการจัดเก็บเป้ารายได้ของปีงบประมาณ 2567 จะสามารถเป็นไปตามประมาณการที่ตั้งไว้
อีกทั้งมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2567 ก็จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจและส่งเสริมให้เศรษฐกิจมีการเติบโต ซึ่งจะส่งผลให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจที่มากขึ้นด้วย โดยยังไม่มีการนำนโยบายภาษีเข้ามาเกี่ยวข้องในทางปฏิบัติ” แถลงการณ์ระบุ
คาดโกยรายได้เข้ารัฐจากโครงการ Digital Wallet ได้กว่าแสนล้านบาท
นอกจากนี้ เผ่าภูมิยังระบุอีกว่า รัฐบาลได้มีการประเมินรายได้จากภาษีที่จะมาจากโครงการ Digital Wallet หรือรายได้ภาษีที่เกิดจากการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ มาจาก 2 ส่วน โดยส่วนที่ 1 มาจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และส่วนที่ 2 มาจากภาษีกำไรที่เกิดขึ้นจากนิติบุคคล (ภาษีนิติบุคคล)
“ซึ่ง 2 ก้อนนี้รวมกันเราประเมินไว้ว่า รายได้จะเพิ่มขึ้นถึงแสนกว่าล้าน” เผ่าภูมิกล่าว