‘เศรษฐพุฒิ’ ห่วง ‘ผู้ส่งออกไทย’ ไม่ทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน หวั่นบาทผันผวนกระทบหนัก

เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการอ่อนค่าของเงินบาทกับสำนักข่าว Bloomberg ระหว่างเข้าร่วมประชุม World Economic Forum ณ กรุงดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยระบุว่า สถานการณ์ของเงินบาทที่อ่อนค่าในขณะนี้มีความแตกต่างจากในช่วงวิกฤตปี 40 อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากสถานะการเงินของไทยมีความแข็งแกร่ง มีหนี้ต่างประเทศต่ำ และมีเงินทุนสำรองสูง

นอกจากนี้ หากนับจากต้นปีเป็นต้นมา เงินบาทอ่อนค่าลงไปเพียง 3% กว่าๆ ซึ่งถือเป็นการอ่อนค่าในระดับกลางและเป็นไปในทิศทางเดียวกันเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค โดยการอ่อนค่าเกิดจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ เช่น การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และการอ่อนค่าของเงินหยวนเป็นหลัก

ผู้ว่าการ ธปท. ระบุว่า ธปท. ไม่ได้กำหนดเป้าหมายว่าค่าเงินบาทจะต้องเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับใด แต่สิ่งที่ ธปท. ให้ความสำคัญคือการดูแลไม่ให้เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนแบบรายวันมากเกินไป โดยเครื่องมือที่ใช้ก็เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ธนาคารกลางทั่วไปใช้ในการดูแลค่าเงิน

“สิ่งที่เราห่วงคือผู้ส่งออกไทยส่วนใหญ่ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน หากค่าเงินผันผวนเกินไปก็จะส่งผลกระทบต่อพวกเขา” เศรษฐพุฒิกล่าว

ผู้ว่าการ ธปท. ยังพูดถึงภาวะเงินเฟ้อของไทยว่า สถานการณ์เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในไทยและหลายประเทศในเอเชียขณะนี้ มีความแตกต่างจากเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจของทั้งสองภูมิภาคยังอยู่ในวงล้อที่ต่างกัน โดยเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในเอเชียและไทยเป็นเงินเฟ้อที่เกิดจากฝั่งอุปทาน และยังจำกัดอยู่ในกลุ่มพลังงานและอาหารเป็นหลัก

“เรายังไม่เห็นปัจจัยเรื่องอุปสงค์ที่ผลักดันให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไปในขณะนี้ เอเชียและสหรัฐฯ ยังอยู่ในวงล้อเศรษฐกิจที่ต่างกัน ในขณะที่สหรัฐฯ พยายามจะทำให้เกิด Soft Landing เศรษฐกิจในเอเชียยังอยู่ในช่วง Take off ให้ราบรื่น” เศรษฐพุฒิกล่าว

เศรษฐพุฒิกล่าวอีกว่า แม้ ธปท. คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อไทยในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่ากรอบเงินเฟ้อเป้าหมายที่ 1-3% แต่ก็คาดว่าเงินเฟ้อในปีหน้าจะกลับมาอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1.7% ได้ โดยปัจจุบัน ธปท. ยังให้ความสำคัญกับการดูเงินเฟ้อในระยะปานกลางมากกว่าเงินเฟ้อในระยะสั้น

“สิ่งที่เราจะดูอย่างใกล้ชิดคือต้องไม่เกิดเงินเฟ้อรอบสอง (Second Round Effect) และการปรับเพิ่มของราคาสินค้าจะต้องไม่ขยายไปในวงกว้าง ซึ่งเท่าที่ติดตามดูเงินเฟ้อในระยะปานกลางของไทยในปัจจุบันก็ยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย ส่วนปัจจัยเรื่องเงินบาทอ่อนและการเรียกร้องปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องตามดูเช่นกัน” ผู้ว่าการ ธปท. กล่าว

อ้างอิง: